เพราะลำปางไม่ได้มีแค่รถม้า ทว่ายังมีวัดสวยๆ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและน่าอัศจรรย์อีกหลายแห่งทั้งภูเขา น้ำตก บ่อพุน้ำร้อน อันเป็นเสน่ห์ของจังหวัดเล็กๆ ทางภาคเหนือแห่งนี้ที่ยังรอให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตนเอง

วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส หรือ วัดเฉลิมพระเกียรต (Wat Chalermprakiat) หนึ่งในอันซีนของจังหวัดลำปาง โดดเด่นด้วยเจดีย์น้อยใหญ่กระจายไปตามยอดภูเขาหินปูน เป็นทัศนียภาพที่ดูแปลกตา และสามารถมองเห็นอำเภอแจ้ห่มได้กว้างถึง 180 องศา

ทริปนี้ Palanla จะพาทุกคนท่องเที่ยวไปยัง 2 จังหวัดของภาคอีสานที่มีชื่อเสียงในเรื่องของปราสาทหินและในอดีตเป็นบริเวณที่เคยมีภูเขาไฟมาก่อน ได้ยินเช่นนี้แล้วหลายๆ คนอาจจะพอนึกออก เพราะเราจะพาออกเดินทางไปที่จังหวัดบุรีรัมย์และนครราชสีมา จังหวัดหลังเป็นชื่อที่ฟังแล้วอาจให้ความรู้สึกคุ้นเคยมากกว่าเพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ทว่าบุรีรัมย์เองก็ไม่ถือว่าห่างไกลเพราะสองจังหวัดนี้อยู่ติดกันเลยนั่นเอง เรียกว่าหากไปถึงนครราชสีมาขับรถต่อไปอีกหน่อยก็เข้าเขตบุรีรัมย์แล้ว

สะพานรัษฎาภิเศก (Ratsadaphisek Bridge) หรือ “สะพานขาว” สะพานทรงสวยคลาสสิกแลนด์มาร์กของเมืองรถม้าที่กลายเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองที่ชาวลำปางคุ้นตา โดดเด่นด้วยเส้นโค้งทรงคันธนูรวม 4 โค้งทอดข้ามผ่านแม่น้ำวัง เป็นเส้นทางสัญจรผ่านไปมาระหว่างสองฝั่งแม่น้ำในเขตใจกลางเมืองลำปาง

สะพานดำ (Black Bridge) หรือสะพานรถไฟจังหวัดลำปาง เป็นสะพานที่พาดผ่านระหว่างสถานีรถไฟนครลำปางมุ่งสู่สถานีรถไฟบ่อแฮ้ว เป็นสะพานที่หากมองเพียงผิวเผินก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าใดนัก ทว่าสะพานแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจต่อเมืองรถม้าแห่งนี้

สะพานส้ม (Orange Bridge) หรือสะพานเทศบาลลำปาง ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าสะพานส้มเป็นสะพานแขวนข้ามคูเมืองขนาดเล็กของเทศบาล ตัวสะพานมีสีส้มสดใสตั้งอยู่ไม่ไกลจากแยกหอนาฬิกา ที่นอกจากจะเป็นที่เช็คอินและมุมถ่ายรูปแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวแสงสียามค่ำคืน การแสดงพลุ และแสงสีเสียงในช่วงเทศกาลยอดนิยมอีกด้วย