- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย

- อ่าน (4,251)
- ByWebmaster
- 16:10:31 | 6 เม.ย. 2561
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
Royal Park Rajapruek, Chiang Mai Province, Thailand
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (Royal Park Rajapruek) เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ ภาคเหนือของประเทศไทย
โดยอุทยานหลวงราชพฤกษ์เป็นแหล่งเรียนรู้พืชสวน และแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรและวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทย ซึ่งในอดีต เคยเป็นสถานที่จัดงานที่ยิ่งใหญ่อย่าง งานมหกรรมพืชสวนโลก (ปี 2007) มาก่อน
ทั้งนี้ ภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์เต็มไปด้วยจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่ต้นไม้ดอกไม้เมืองหนาว หรือไม้ผลที่จะออกผลตามฤดูกาลให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อหาเท่านั้น แต่ในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ยังมีการจำลองสิ่งปลูกสร้างตามศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศเพื่อนบ้านหลายๆแห่ง รวมถึงสถาปัตยกรรมศิลปะล้านนาที่มีชื่อเสียงอย่าง หอคำหลวง ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครไทยเรื่องดัง อาทิ เพลิงพระนาง หรือ รากนครา เป็นต้น
หอคำหลวงที่โด่งดังของอุทยานหลวงราชพฤกษ์
มุมที่เคยถ่ายทำละครมาหลายต่อหลายเรื่องและเป็นแลนด์มาร์คยอดฮิตในปัจจุบัน
รายละเอียดศิลปะที่รังสรรค์อย่างประณีตของหอคำหลวง
อาคารจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนและสวนนานาชาติภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์
มุมนั่งพักผ่อนมุมหนึ่งของอุทยานหลวงราชพฤกษ์
ความเป็นมาของอุทยานหลวงราชพฤกษ์
ในปี 2006 (พ.ศ. 2549) ได้มีกำหนดจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกขึ้นที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีและทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา โดยมีกำหนดจัดงานขึ้นเป็นเวลา 92 วันนับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2006 – 31 มกราคม 2007
โซนเทิดพระเกียรติที่ยังมีจัดแสดงอยู่
งานมหกรรมพืชสวนโลกเป็นงานที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก จึงได้มีมติให้พัฒนาสถานที่จัดงานให้เป็นแหล่งเรียนรู้พืชสวนและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทย และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสวนดังกล่าวว่า “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า “Royal Park Rajapruek” โดยราชพฤกษ์นั้นถือเป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย และเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของอุทยานหลวงแห่งนี้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.royalparkrajapruek.org/About )
ปัจจุบันอุทยานหลวงราชพฤกษ์นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้พืชสวนและแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรกับวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นหนึ่งในสถานที่จัดงานเลี้ยง, ถ่ายรูป รวมถึงจุดเช็คอินยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ที่ไม่ควรพลาด
ต้นราชพฤกษ์บนเนินสูง หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของอุทยานหลวงราชพฤกษ์
การเดินทางไปอุทยานหลวงราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทั้งในด้านของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยประมาณ 696 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ได้หลายวิธี คือ
- เครื่องบิน นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการเที่ยวบินได้ทั้งจาก ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาลงที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางใต้ 4 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 1.30 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น ถือเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายการบินที่ให้บริการ รวมถึงตารางเวลาเพิ่มเติมได้ที่ http://chiangmaiairportthai.com/
- รถโดยสารประจำทาง บริการขนส่งสาธารณะที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่เดินทางไป จ.เชียงใหม่ เนื่องมาจากจำนวนรอบต่อวันที่ค่อนข้างมาก รวมถึงเที่ยวเวลาและผู้ให้บริการที่มีให้เลือกหลากหลาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกขึ้นรถได้ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) (หรือสถานีหมอชิต) และลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ แห่งที่ 3 ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 9 – 12 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวที่ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางเพิ่มเติม สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1490, 0-2872-1777 หรือเว็บไซต์ http://www.busticket.in.th และเว็บไซต์ http://www.thairoute.com
- รถไฟ เป็นอีกบริการขนส่งสาธารณะสำหรับเดินทางไปเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนยาวในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากใช้เวลาในการเดินทางยาวประมาณ 11 – 13 ชั่วโมง โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบรายละเอียดเวลา , ราคา ตลอดจนสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ http://www.railway.co.th/ หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1690
- รถยนต์ / รถรับจ้าง เป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเช่นกัน เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย และนักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกแวะพักหรือท่องเที่ยวจังหวัดระหว่างทางซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้กันได้อีกด้วย
และเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว สามารถเดินทางต่อไปยังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 12 กิโลเมตร โดยอยู่ในเขตของตำบลแม่เหี๊ยะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้หลายวิธี คือ
- รถยนต์ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ มีบริการลานจอดรถฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถมา โดยนักท่องเที่ยวสามารถตรวจดูรายละเอียดเส้นทางเพิ่มเติมได้ที่ http://www.royalparkrajapruek.org/PlanYouVisit
- รถโดยสารประจำทางสีแดง หรือที่รู้จักกันในนามของ รถแดง ซึ่งวิ่งวนรอบตัวเมืองเชียงใหม่และบริเวณใกล้เคียง นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถแดงได้ทั้งจากที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ หรือบริเวณอื่นๆในตัวเมือง โดยสามารถตกลงราคากันได้ประมาณ 30 – 80 บาท/คน สำหรับไปส่งที่ด้านหน้าของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ (และสามารถใช้บริการรถแดงที่จอดอยู่ในลานจอดของอุทยานหลวงราชพฤกษ์เพื่อเดินทางกลับได้เช่นกัน)
- รถแท็กซี่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีให้บริการทั้งจาก แท็กซี่ของตัวเมืองเชียงใหม่ โดยนักท่องเที่ยวสามารถดูรายละเอียดและอัตราค่าบริการกรณีเหมาจ่ายได้ที่ http://www.taxichiangmai.com/ หรืออาจเลือกใช้บริการแท็กซี่อย่าง Grabcar ซึ่งเมืองเชียงใหม่มีบริการระบบเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab โดยสามารถตรวจสอบอัตราค่าโดยสารแต่ละครั้งได้บนหน้าจอก่อนที่จะกดเรียกรถไปยังสถานที่ต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดแอป Grab ได้ที่ http://grb.to/2F9a2bx
เวลาในการเปิด-ปิดทำการ
อุทยานหลวงราชพฤกษ์เปิดให้บริการ ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 18.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ค่าบริการบัตรผ่านเข้าชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยคือ 100 บาท/คน และ สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคือ 200 บาท/คน นอกจากนี้ยังมีบัตรพิเศษหรือส่วนลดต่างๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.royalparkrajapruek.org/Admission
จุดจำหน่ายบัตรผ่านเข้าชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์
สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนอุทยานหลวงราชพฤกษ์
แผนผังอุทยานหลวงราชพฤกษ์ (สามารถดูแผนที่ใหญ่ได้ที่ http://www.royalparkrajapruek.org/Map)
หลังจากนักท่องเที่ยวมาถึงอุทยานหลวงราชพฤกษ์แล้ว สิ่งที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวนับตั้งแต่ยังไม่ก้าวเข้าไปด้านในก็คือสัญลักษณ์ของอุทยานหลวงอย่าง ต้นราชพฤกษ์ ซึ่งปลูกอยู่กลางเนินสูงด้านหน้าอย่างโดดเด่น
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทยบนเนินสูงหน้าอุทยานหลวงราชพฤกษ์
จากนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปภายในอุทยานแล้ว สามารถเลือกใช้บริการเสริมเพื่อการเที่ยวชมอุทยานหลวงราชพกฤกษ์ที่มีให้เลือกคือ
- บริการรถรางพ่วงสำหรับชมรอบๆอุทยานฟรี โดยจะมีเส้นทางการวิ่งและจอดในจุดที่สำคัญต่างๆ ตามรอบเวลาที่มีป้ายบอกไว้อย่างชัดเจน
รถรางพ่วงที่จะพานักท่องเที่ยวเที่ยวชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์
ป้ายบอกเวลารถออกจากต้นทาง
- บริการจักรยานให้เช่า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเช่าได้ในราคา 60 บาท/คน ไม่จำกัดเวลาในการใช้บริการ
จักรยานที่มีบริการให้เช่าภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์
ป้ายแสดงเส้นทางและราคาจักรยานสำหรับเช่า
- บริการ Segway ซึ่งเป็นบริการแบบใหม่ที่จะพานักท่องเที่ยวชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในราคาเริ่มต้นที่ 199 บาท/คน หรือ 1,399 บาท/คน สำหรับการเที่ยวชมพร้อมไกค์ผู้เชี่ยวชาญ
Segway อุปกรณ์แบบใหม่สำหรับนำชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์
- บริการรถกอล์ฟให้เช่า ในราคา 100 บาท/คน/ชั่วโมง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกลุ่ม สามารถติดต่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการขอเช่าเพิ่มเติมได้ที่ (66)053-114110-5 หรือ http://www.royalparkrajapruek.org/CarForRent
รายละเอียดของการใช้บริการรถกอล์ฟให้เช่า
หรือนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินไปยังจุดที่สนใจต่างๆภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้ โดยจุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ได้แก่
หอคำหลวง
จุดท่องเที่ยวสำคัญ ถือเป็นแลนด์มาร์กและไฮไลต์ของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ส่วนกลางและโดดเด่นเป็นที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นหอคำหลวงได้นับจากก้าวเท้าผ่านประตูอุทยานหลวงราชพฤกษ์เข้ามา ทั้งนี้ หอคำหลวงเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นโดยการจำลองมาจากภาพหอคำหลวงของเจ้าเมืองเชียงใหม่ในอดีต ลักษณะจึงเป็นอาคารครึ่งไม้ครึ่งตึก 2 ชั้น สีน้ำตาลแดงศิลปะล้านนา ที่มีความสวยงามและความประณีตตั้งแต่ตัวอาคาร, ของประดับตกแต่ง รวมไปถึงลวดลายด้านใน
หอคำหลวงด้านหน้าที่มองเห็นได้จากที่ไกลๆ
ประติมากรรมคติล้านนาด้านหน้าหอคำหลวงซึ่งจำลองมาจากบันทึกประวัติศาสตร์
ตัวอาคารทำจากไม้สักสีแดงเข้มประกอบกันเป็นเรือนไม้หลังใหญ่
การตกแต่งหอคำหลวงด้วยงานฝีมืออันประณีตตามคติล้านนา
ด้านในของหอคำหลวงที่นอกจากลงรักปิดทอง ยังมีพานพุ่มซึ่งสร้างขึ้นแฝงนัยตามคติของศาสนาอีกด้วย
หอคำหลวงบนเนินสูงกับฉากหลังภูเขาใหญ่และวัดพระธาตุดอยคำที่ขึ้นชื่อเช่นกัน
สวนนานาชาติ
สวนนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เป็นพื้นที่จัดแสดงของมิตรประเทศนับตั้งแต่คราวจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก โดยการจัดแสดงเอกลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้างรวมไปถึงวัฒนธรรมของแต่ละชาติต่างๆ ซึ่งปัจจุบันยังได้รับการปรับปรุงดูแล และเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเก็บภาพอีกจุดเสมอ
สวนอินเดียกับสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่นด้วยหลังคารูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาล
สวนของกัมพูชากับซุ้มหน้าบันที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยว
สวนของประเทศลาว กับสถาปัตยกรรมจากหลวงพระบาง
สวนองค์กร
สวนองค์กรเฉลิมพระเกียรติฯเป็นส่วนแสดงการจัดสวนเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) เช่นกัน โดยแต่ละสวนมีรูปแบบการนำเสนอแนวพระราชดำริที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร และการพัฒนาในด้านต่างๆ รวมทั้ง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น
สวนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์กับอาคารเทิดพระเกียรติ
การจัดสวนตามแนวทางความรู้ของรัชกาลที่ 9
และนอกจากจุดเหล่านี้ รอบๆบริเวณของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ยังได้รับการตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้ที่สวยงาม หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไปตามฤดูกาลโอกาสพิเศษต่างๆ ซึ่งมีเสน่ห์ต่างกันไปตามแต่ละจุดและช่วงเวลาอีกด้วย
สวนสวัสดี สวนที่อยู่ใกล้กับสถานีรถรางพ่วงรอต้อนรับนักท่องเที่ยว
ทางเดินภายในที่มีต้นไม้ตกแต่งอยู่ทุกแห่ง
ต้นไม้ทองจำลอง อีกหนึ่งมุมเก็บภาพที่พลาดไม่ได้ภายในอุทยานหลวงราชพฤกษ์
ตราพระปรมาภิไทยย่อของรัชกาลที่ 9 สัญลักษณ์แห่งการเทิดพระเกียรติจากอุทยานหลวงราชพฤกษ์
ฤดูกาลต่างๆกับการเที่ยวชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์
อุทยานหลวงราชพฤกษ์มีการ หมุนเวียนดอกไม้และพืชพันธุ์ที่จัดแสดงตลอดปี นักท่องเที่ยวจึงสามารถไปเที่ยวชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้ทั้งปี ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบปฎิทินเทศกาลหรืออีเว้นต์พิเศษได้ที่ http://www.royalparkrajapruek.org/ หรือเลือกไปสัมผัสมนตร์เสน่ห์ตามฤดูกาลของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ที่มีจุดเด่นต่างกันคือ
ฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน – เดือนธันวาคม)
เป็นฤดูกาลที่ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด เนื่องจากเป็นฤดูที่มีอากาศเย็นสบาย (อุณหภูมิเฉลี่ย 24 – 28 องศาเซสเซียส) เหมาะแก่การเดินเที่ยวชม และยังเป็นฤดูที่มีผลไม้ขึ้นชื่อหลายอย่างกำลังออกผล รวมทั้งดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูหนาวก็กำลังผลิดอก เป็นภาพที่สวยงามที่สุดของอุทยานหลวงราชพฤกษ์
แต่ทั้งนี้มีข้อควรระวังคือ ช่วงเทศกาลและช่วงวันหยุดยาว อาจมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ลำบากในการเก็บภาพ รวมถึงต้องวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบด้วย
ป้ายแสดงฤดูกาลของผลไม้ต่างๆจากอุทยานหลวงราชพฤกษ์ โดยเฉพาะฤดูหนาวที่มีให้เลือกหลายอย่าง
ฤดูร้อน (เดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน)
อีกหนึ่งฤดูที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเช่นกัน เนื่องจากสภาพท้องฟ้าที่สดใส ทำให้สามารถเก็บภาพบรรยากาศของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้สวยงามแจ่มชัดที่สุด และยังเป็นช่วงที่มีงานเทศกาลที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ งานประเพณีสงกรานต์ ซึ่งจะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมสนุกอีกด้วย
แต่นักท่องเที่ยวที่เลือกมาเที่ยวในฤดูกาลนี้ มีข้อควรระวังคืออุณหภูมิสูงสุดของแต่ละวันที่อาจสูงได้ถึง 40 องศาเซสเซียส นักท่องเที่ยวที่ไม่ชินกับความร้อนควรหลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวช่วงนี้ หรือตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้าและพกน้ำดื่มติดตัวไว้เสมอ
ฤดูฝน (เดือนกรกฎาคม – เดือนตุลาคม)
เป็นฤดูที่ มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุด เนื่องจากสภาพอากาศที่ อาจเกิดฝนตกลงมาอย่างกะทันหันได้บ่อยๆ ประกอบกับฤดูนี้เป็นฤดูที่เหมาะกับการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ รวมถึงผลัดเปลี่ยนต้นไม้และดอกไม้บางส่วน ภายในอุทยานจึงมีบรรยากาศที่แตกต่างจากฤดูกาลอื่นๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเลือกเก็บภาพอุทยานหลวงราชพฤกษ์ช่วงนี้ได้อย่างสะดวกสบาย
นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนน้อยในเดือนกันยายนทำให้สามารถเก็บภาพทิวทัศน์สวยๆได้ง่าย
บรรยากาศการผลัดเปลี่ยนและตกแต่งสวนใหม่ที่จะมีให้เห็นแค่ฤดูนี้เป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวควรใช้เวลาในการเที่ยวชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ประมาณ ครึ่งวัน – 1 วัน เพื่อให้สามารถเที่ยวชมได้ทั่วทั้งอุทยาน และควรตรวจสอบสภาพอากาศล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการวางแผนการเข้าชมได้ที่ www.accuweather.com
ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้ในการเที่ยวอุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่
อุทยานหลวงราชพฤกษ์มีพื้นที่กว้างขวางหลายไร่ ถึงแม้จะมีรถไว้ให้บริการและเช่า แต่หลายจุดยังต้องอาศัยการเดินขึ้นลงเที่ยวชม นักท่องเที่ยวจึงควรสวมใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสม และไม่ลืมที่จะพกเครื่องดื่มติดตัวไว้จิบแก้กระหายและคลายร้อน หรือวางแผนในการเดินทางเที่ยวชมเพื่อกลับมาใช้บริการร้านจำหน่ายเครื่องดื่มซึ่งอยู่ใกล้ๆกับประตูได้
ร้านจำหน่ายสิ่งของและอาคารที่นั่งพักใกล้กับประตู
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถใช้บริการร้านเครื่องดื่มเพิ่มเติม หรือร้านจำหน่ายอาหาร รวมถึงเลือกซื้อของที่ระลึกจากอุทยานหลวงราชพฤกษ์ได้ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.royalparkrajapruek.org/ServiceAndResterant
และสำหรับนักท่องเที่ยวที่เที่ยวชมอุทยานหลวงราชพฤกษ์เสร็จแล้ว แต่ยังมีเวลาเหลือ สามารถเลือกที่จะไป เที่ยวชมความสวยงามของเมืองเชียงใหม่จากจุดชมทิวทัศน์ที่ วัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตรได้
ต้นไม้สีทองและหอคำหลวงภายในอุทยานราชพฤกษ์ที่มองออกไปเห็นวัดพระธาตุดอยคำอยู่ไกลๆ
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม ความงามของอุทยานราชพฤกษ์ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
(Royal Park Rajapruek, Chiang Mai Province, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : 100 บาทสำหรับชาวไทย และ 200 บาทสำหรับชาวต่างชาติ
เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 18.00 น.
ฤดูกาลต่างๆในการท่องเที่ยว : ฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวมากที่สุด
ฤดูร้อนและฤดูฝนต้องระวังสภาพอากาศ ควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่วงหน้า
ตั้งอยู่ที่ : อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
โทรศัพท์ : (+66)53-114-110
เว็บไซด์ : http://www.royalparkrajapruek.org/
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) https://thai.tourismthailand.org/
สำนักงานการท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ http://www.cm-mots.com/
Facebook Fanpage การท่องเที่ยวเชียงใหม่ https://www.facebook.com/tatchiangmai/
บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) http://www.busticket.in.th , http://www.thairoute.com
บริการรถเมลล์เชียงใหม่ http://www.cityupdate.in.th/chiangmai/?p=23
ท่าอากาศยานนานาชาติ จ.เชียงใหม่ http://www.airportthai.co.th/chiangmai/th
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

๑๒ วัดสวยในภาคเหนือ พุทธศิลป์แห่งอาณาจักรล้านนา
ภาคเหนือ เป็นหนึ่งในภูมิภาคของประเทศไทย ที่มีวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง และขนบธรรมเนียมประเพณีที่เรียบง่าย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีชื่อเสียงอยู่มากมาย รวมไปถึงมีผลงานพุทธศิลป์แบบล้านนาสุดแสนจะวิจิตร ที่สะท้อนออกมาในรูปแบบของสถาปัตยกรรมและประติมากรรมในวัดวาอารามต่าง ๆ เป็นเอกลักษณ์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะมากราบสักการะ พร้อมชื่นชมผลงานศิลปะล้านนาที่อ่อนช้อย และทรงคุณค่า วันนี้ Palanla จึงจะขอชวนออกเดินทางไปเที่ยวชม และรับสิริมงคลกับ 12 วัดสวยในภาคเหนือกันค่ะ
อ่านต่อ
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (Doi Inthanon National Park) สถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงประจำจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานที่สวยงาม และแวดล้อมไปด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน น้ำตก ถ้ำ ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนในทุกๆปี
อ่านต่อ
อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (Phu Chi Fa National Park) ผืนป่าบนยอดดอยที่มีจุดชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ที่มีความสวยงามติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
อ่านต่อ
วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
วัดจามเทวี (Wat Chamdhevi) วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำพูน ภายในวัดมีเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย
อ่านต่อ
กู่ช้าง กู่ม้า จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
กู่ช้าง กู่ม้า (Khu Chang – Khu Ma) เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดลำพูน โดยเชื่อว่ากู่ช้าง เป็นสุสานช้างศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ส่วนกู่ม้า เป็นสุสานม้าทรงของพระโอรสในพระนางจามเทวี
อ่านต่อ
พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชราชานุสรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชราชานุสรณ์ (King Naresuan Stupa) เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นในรูปแบบของสถูปเจดีย์พร้อมกับพระบรมรูปเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และรำลึกเหตุการณ์ครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเคยเสด็จมาประทับแรมที่เมืองงายแห่งนี้ก่อนกรีฑาทัพต่อไปยังเมืองอังวะของพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2147 โดยสร้างขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นเส้นทางเดินทัพเมื่อในอดีต นักท่องเที่ยวและชาวเมืองเชียงใหม่นิยมมาสักการะและขอพร นอกจากนี้ ภายในบริเวณยังมีส่วนนิทรรศการค่ายหลวงจำลองที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งกรมศิลปากรจัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เที่ยวชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์อีกด้วย
อ่านต่อ
น้ำตกแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
น้ำตกแม่สา (Mae Sa Waterfall) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมในอำเภอแม่ริม น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 ชั้น สามารถเดินขึ้นไปชมความงดงามในแต่ละชั้นได้ตามทางเดินที่ทางอุทยานจัดทำไว้ให้ และหากใครสนใจเล่นน้ำคลายร้อนก็สามารถลงเล่นน้ำได้เช่นกัน โดยชั้นที่เป็นที่นิยมคือชั้นที่ 3-6 เพราะค่อนข้างปลอดภัยและสามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และห้องน้ำให้บริการอีกด้วย
อ่านต่อ
อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง จังหวัดพะเยา ประเทศไทย
อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง (Pho Khun Ngam Muang Monument) เป็นอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้ากว๊านพะเยา สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพ่อขุนงำเมือง กษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งเมืองภูกามยาวหรือพะเยาในปัจจุบัน โดยในสมัยที่พ่อขุนงำเมืองปกครองอาณาจักรพะเยานั้นทำให้พะเยาเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นอาณาจักรใหญ่ 1 ใน 3 อาณาจักรของชนเผ่าไทยในแถบนี้ ได้แก่ อาณาจักรล้านนา อาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรพะเยา นั่นเอง เมื่อพะเยาได้รับการยกฐานะให้เป็นจังหวัดที่ 72 ในปีพ.ศ.2520 ชาวพะเยาจึงร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมืองขึ้น บริเวณสวนสาธารณะริมกว๊านพะเยา และกลายเป็นศูนย์รวมใจของชาวพะเยานับแต่นั้นเป็นต้นมา
อ่านต่อ
วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา ประเทศไทย
วัดศรีโคมคำ (Wat Si Khom Kham) เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองพะเยามาอย่างช้านาน ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้คือองค์พระพุทธรูปที่มีนามว่าพระเจ้าตนหลวง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนา มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 16 เมตร พระพุทธรูปพระเจ้าตนหลวงนอกจากจะเป็นเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยาแล้ว ยังเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของอาณาจักรล้านนาอีกด้วย โดยทุกวันวิสาขบูชาของทุกปี จะมีการจัดงานประเพณีนมัสการพระเจ้าตนหลวงเดือนแปดเป็งขึ้นที่วัดศรีโคมคำแห่งนี้ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีผลงานจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงามจากฝีมือของศิลปินแห่งชาติอย่างท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ให้เที่ยวชมอีกด้วย
อ่านต่อ
วัดพระธาตุจอมทอง จังหวัดพะเยา ประเทศไทย
วัดพระธาตุจอมทอง (Wat Phra That Chom Thong) เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองพะเยาที่ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง และเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุจอมทองซึ่งเป็นเจดีย์สีทองอร่ามองค์ใหญ่ที่สร้างด้วยศิลปะล้านนาอย่างงดงาม ภายในบรรจุเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ที่นี่จึงเป็นปูชนียสถานที่ชาวพะเยาเคารพศรัทธากันมาอย่างช้านาน นอกจากนี้ จากบริเวณด้านบนดอยยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สามารถมองเห็นป่าไม้และกว๊านพะเยาได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
อ่านต่อ