เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

  • อ่าน (157)
  • By Webmaster
  • 15:14:16 | 13 มี.ค. 2567

เกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)

2 รูปปั้นสุนัขผู้ซื่อสัตย์แห่งเอดินเบอระและโตเกียว

Greyfriars Bobby Statue & ฮาจิโกะ

             สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
 

รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue)

Greyfriars Bobby Statue
รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ตั้งอยู่หน้าร้านเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ซึ่งตั้งตามชื่อของสุนัขตัวนี้

             รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ เป็นรูปปั้นสุนัขที่เป็นแลนด์มาร์กเล็กๆ ของเมือง แต่มีเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่สร้างความซาบซึ้งใจให้กับชาวเอดินเบอระ บ็อบบี้เป็นสุนัขพันธุ์สกายเทอร์เรียที่เจ้าของเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในปีค.ศ.1858 และในทุกๆ วันบ็อบบี้ก็จะมาเฝ้าหลุมศพของเจ้านายอันเป็นที่รักของมันด้วยความภักดี มันทำเช่นนี้อยู่เป็นเวลา 14 ปีจนเสียชีวิตลง และร่างของมันก็ได้รับการฝังไว้เป็นกรณีพิเศษที่สุสานเดียวกันกับเจ้าของ อีกทั้งยังมีการสร้างรูปปั้นนี้ไว้ใกล้กับสุสานเพื่อเป็นที่ระลึกถึงเจ้าบ็อบบี้ สุนัขผู้ซื่อสัตย์แห่งเมืองเอดินเบอระ

Greyfriars Bobby Statue
แลนด์มาร์กเล็กๆ ของเมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์

             รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้เป็นรูปปั้นที่ตั้งอยู่หน้าร้านเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ซึ่งตั้งตามชื่อของสุนัขตัวนี้ เรื่องราวของเจ้าบ็อบบี้เป็นที่รู้จักไปทั่วเมืองเอดินเบอระ จากความซื่อสัตย์และความรักที่มีต่อเจ้าของ เจ้าของบ็อบบี้มีชื่อว่าจอห์น เกรย์ เขาพร้อมภรรยาและลูกชายย้ายมาที่เมืองเอดินเบอระในปีค.ศ.1850 พวกเขาเป็นชาวสวนมาก่อนแต่หางานชาวสวนในเมืองนี้ไม่ได้ จึงสมัครงานเป็นยามกะกลางคืนแทน ในฤดูหนาวปีนั้นเขาได้รับเพื่อนคู่หูคือเจ้าสุนัขบ็อบบี้ตัวน้อยมาอยู่ด้วย เมื่อเวลาผ่านไปชาวเมืองในละแวกนั้นจึงคุ้นชินกับภาพของจอห์นและบ็อบบี้ที่เดินตรวจตราไปตามท้องถนนด้วยกันเสมอ

Greyfriars Bobby Statue
รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ถูกนำมาตั้งไว้ใกล้กับสุสานในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1873

             ด้วยการทำงานบนท้องถนนมาหลายปีจึงทำให้จอห์นล้มป่วยเป็นวัณโรคและต้องเข้ารับการรักษาตัว แต่ในที่สุดจอห์นก็เสียชีวิตลงในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1858 และร่างของเขาถูกฝังไว้ในสุสานเกรย์ไฟรเออร์สเคิร์กยาร์ด เจ้าบ็อบบี้มาเฝ้าหลุมศพของเจ้านายทุกวันไม่เว้นแม้แต่ในเวลาที่สภาพอากาศเลวร้ายที่สุด เจมส์ บราวน์ เซกซ์ตัน ผู้ดูแลสุสานพยายามไล่บ็อบบี้ออกไปจากสุสานหลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และหาที่พักพิงเล็กๆ ให้บ็อบบี้ข้างหลุมฝังศพของจอห์น ในช่วงนั้นชื่อเสียงและเรื่องราวของบ็อบบี้ก็แพร่สะพัดออกไป จนเกือบทุกวันจะมีผู้คนมายืนรอชมบ็อบบี้ออกมาจากข้างหลุมศพของจอห์นเพื่อออกไปกินมื้อเที่ยง โดยบ็อบบี้จะติดตามวิลเลียม ดาว ช่างไม้ท้องถิ่นไปที่ร้านกาแฟแห่งเดียวกับที่มันเคยแวะเวียนไปกับจอห์น และที่ร้านนั้นจะให้ให้อาหารมัน

             ในปีค.ศ.1867 มีการออกกฎหมายใหม่ซึ่งกำหนดให้สุนัขทุกตัวต้องได้รับใบอนุญาตในเมือง มิฉะนั้นพวกมันจะถูกกำจัด ในตอนนั้นเซอร์วิลเลียม แชมเบอร์ส หรือ ลอร์ดโพรโวสต์แห่งเอดินเบอระ ตัดสินใจจ่ายค่าใบอนุญาตให้บ็อบบี้และมอบปลอกคอที่มีจารึกชื่อทองเหลืองว่า “Greyfriars Bobby from the Lord Provost 1867 licensed” ซึ่งสามารถชมปลอกคอนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งเอดินเบอระ

Greyfriars Bobby Statue
สุสานเกรย์ไฟรเออร์สเคิร์กยาร์ด

Greyfriars Bobby Statue
หลุมศพของจอห์น เกรย์ เจ้าของผู้นำบ็อบบี้มาเลี้ยง

             หลายปีผ่านไป มีคนใจดีมากมายในเอดินเบอระช่วยดูแลบ็อบบี้เป็นอย่างดี แต่มันก็ยังคงภักดีต่อเจ้านายของมันและเฝ้าหลุมศพทุกวันอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 14 ปี จนกระทั่งมันเสียชีวิตลงในปีค.ศ.1872 ด้วยความซาบซึ้งใจในความภักดีของบ็อบบี้ที่มีต่อเจ้าของมาอย่างยาวนาน ร่างของมันจึงได้รับการฝังไว้ที่สุสานแห่งเดียวกันกับเจ้านาย และมีการสร้างรูปปั้นบ็อบบี้ขึ้นมา รูปปั้นนี้ถูกนำมาตั้งไว้ใกล้กับสุสานในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1873 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงบ็อบบี้ในฐานะสุนัขผู้ซื่อสัตย์แห่งเอดินเบอระนับแต่นั้นมา     

เวลาปิด - เปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

พิกัด GPS : 55°56'49.0"N 3°11'28.7"W

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ ได้ที่ : https://palanla.com/th/abroadLocation/detail/2518
 

ฮาจิโกะ (Hachiko)

Hachiko
ฮาจิโกะ ตั้งอยู่บริเวณสถานีชิบูย่าในกรุงโตเกียว

             ฮาจิโกะ คือ รูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ที่ไปรอรับเจ้าของที่สถานีชิบูย่าทุกวัน แม้เจ้าของจะจากไปแล้ว มันก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่เดิมเวลาเดิมเป็นเวลานานถึง 10 ปีเต็ม ความประทับใจของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อสุนัขตัวนี้ กลายมาเป็นรูปปั้นซึ่งเป็นจุดนัดพบสำคัญและเป็นจุดเช็คอินที่ห้ามพลาดของชิบูย่า

Hachiko
ฮาจิเป็นสุนัขสายพันธ์อากิตะ

             รูปปั้นสุนัข “ฮาจิโกะ” ตั้งอยู่สถานีชิบูย่า กรุงโตเกียว เป็นทั้งจุดนัดพบสำหรับคนญี่ปุ่นและสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยว ตามจริง “ฮาจิ” (Hachi) คือชื่อของสุนัข ส่วนคำว่าโกะหรือโค (公) แปลว่ารูปปั้น ย้อนไปในปี ค.ศ. 1924 ที่มาของรูปปั้นนี้มาจาก “ฮาจิ” สุนัขสายพันธุ์อากิตะของศาสตราจารย์อูเอโนะ ฮิเดะซาบุโร่ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่มักจะไปรอรับเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟชิบูย่าอยู่เสมอ เป็นภาพที่คุ้นตาของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา จนในปีค.ศ. 1932 เรื่องราวของฮาจิโกะก็ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์และทำให้ฮาจิโกะเป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่นในชื่อ “ฮาจิโกะผู้ซื่อสัตย์”

Hachiko
รูปปั้นสุนัข “ฮาจิโกะ” เป็นทั้งจุดนัดพบสำหรับคนญี่ปุ่นและสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยว

             กระทั่งวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1925 ศาสตราจารย์อูเอโนะเสียชีวิตอย่างกะทันหันที่มหาวิทยาลัยด้วยภาวะเลือดออกในสมอง แต่ทว่าเจ้าฮาจิโกะยังคงไปรอนายของมันที่สถานีทุกวัน เป็นเวลานานร่วม 10 ปี จนเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1935  ฮาจิโกะตายไป คนญี่ปุ่นจึงสร้างรูปปั้นของมันขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี

Hachiko
รูปปั้นฮาจิโกะที่เห็นในปัจจุบันเป็นรูปปั้นตัวที่สองที่สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

             ทั้งนี้ รูปปั้นฮาจิโกะที่เห็นในปัจจุบันเป็นรูปปั้นตัวที่สองที่สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  เนื่องจากตัวแรกถูกทำลายในช่วงสงคราม และเมื่อปี ค.ศ. 2015 เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีที่ฮาจิจากไป ก็ได้มีการสร้างรูปปั้นศาสตราจารย์อูเอโนะกับฮาจิได้พบขึ้นที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวที่ศาสตราจารย์เคยสอน นอกจากรูปปั้นแล้ว เรื่องราวของฮาจิยังถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ.2009 เรื่อง Hachi  A Dog's Tale นำแสดงโดย ริชาร์ด ทิฟฟานี เกียร์ (Richard Tiffany Gere) หรือ ริชาร์ด เกียร์นั่นเอง

เวลาปิด - เปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง

พิกัด GPS : 35°39'32.6"N 139°42'02.3"E         

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮาจิโกะ ได้ที่ : https://www.palanla.com/th/abroadLocation/detail/2772

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น

จังหวัดคานากาว่า (Kanagawa) เป็นเขตปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ใน ภูมิภาคคันโต ของประเทศญี่ปุ่น จังหวัดนี้เป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายเมืองด้วยกัน อาทิ คามาคุระ (Kamakura) โยโกฮาม่า (Yokohama) และฮาโกเน่ (Hakone)…Palanla ได้รวบรวมเอา 11 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดคานากาว่า ตั้งแต่ชายหาด พระใหญ่ วัดเก่าแก่ ศาลเจ้า ไชน่าทาวน์ สวนสนุก อควาเรียม ทะเลสาบ ไปจนถึงกระเช้าลอยฟ้าและจุดชมภูเขาไฟฟูจิ มาไว้แล้วในบทความนี้

อ่านต่อ

สวนหลิวหยวน เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนหลิวหยวน หรือ สวนสิงโต (Lion Forest Garden) เป็นสวนจีนโบราณที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน สวนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของและชื่อหลายครั้งตลอดหลายศตวรรษ สวนหลิวหยวน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสวนคลาสสิกที่สำคัญที่สุดของซูโจว และเป็นส่วนหนึ่งของ "สวนคลาสสิกของซูโจว" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ.2000

อ่านต่อ

สวนจัวเจิ้ง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

สวนจัวเจิ้ง (Humble Administrator’s Garden) เป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในซูโจวและได้ชื่อว่าเป็นสวนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีนตอนใต้ สวนแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากหลังของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จีนหลายเรื่องด้วยกัน และได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1997

อ่านต่อ

เนินเขาเสือ เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

เนินเขาเสือ หรือเนินหู่ชิว (Tiger Hill) ได้ชื่อว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในซูโจว นักท่องเที่ยวนิยมปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์ธรรมชาติที่มีเสน่ห์และโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของซูโจว ไม่ว่าจะเป็นหลุมศพโบราณ บ่อน้ำ เจดีย์ และห้องสมบัติ เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสความสวยงามของทิวทัศน์ในวรรณคดีจีนโบราณ โดยที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย

อ่านต่อ

ทะเลสาบจินจี เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ทะเลสาบจินจี (Jinji Lake) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในซูโจว ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสวนสาธารณะริมทะเลสาบ ศูนย์จัดแสดงสินค้า พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ฯลฯ ถือเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

ถนนซานถัง เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

ถนนซานถัง (Shantang Street) ถนนโบราณที่มีความเก่าแก่เกือบ 1,200 ปี ครั้งหนึ่งถนนสายนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ปัจจุบันซานถังยังคงเป็นถนนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยได้รับการยกย่องว่าเป็น “ภาพย่อของซูโจวเก่า” และยังถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ AAAA ของประเทศ

อ่านต่อ

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

อุทยานวัฒนธรรมแห่งชาติคลองต้ายุ่น (Grand Canal National Culture Park) เป็นส่วนหนึ่งของคลองต้ายุ่นซึ่งทอดตัวยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร และเป็นแหล่งหลอมรวมวัฒนธรรมสำคัญในประเทศจีนมานานกว่า 2,500 ปี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองซูโจว

อ่านต่อ

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

อ่านต่อ

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ

อ่านต่อ

ตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น

ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ