- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- ตามรอยประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2
ตามรอยประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2
- อ่าน (8,810)
- ByWebmaster
- 17:35:53 | 6 พ.ค. 2565
ตามรอยประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงความโหดร้ายและผลเสียของสงคราม และยังทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของสันติภาพและความสงบสุขอีกด้วย สำหรับในประเทศไทยนั้นก็มีร่องรอยและความทรงจำของสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่มากมาย โดยเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเส้นทางการสร้างทางรถไฟสายมรณะ วันนี้ทาง Palanla จึงขอพาทุกท่านไปท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 กันที่สถานที่ที่เป็นที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะในจังหวัดกาญจนบุรีกันในทริปนี้
แผนที่ตามรอยประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2
1. สะพานข้ามแม่น้ำแคว
สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรีเพราะเป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟสายมรณะที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คน มาเร่งสร้างสะพานในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2485 โดยการก่อสร้างใช้การนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้นๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง จนแล้วเสร็จภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นงานที่ยากลำบากและโหดร้ายจนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานท่อนกลางหัก เมื่อสงครามสิ้นสุดลงรัฐบาลไทยจึงได้บูรณะซ่อมแซมสะพานขึ้นใหม่ และในปัจจุบันได้มีการยกย่องให้สถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและกลายเป็นแลนด์มาร์กประจำจังหวัดกาญจนบุรีนับแต่นั้นมา และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมสะพานเหล็กและชมทิวทัศน์ของแม่น้ำแควเบื้องล่างได้อย่างใกล้ชิด และสะพานข้ามแม่น้ำแควยังเคยใช้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฉากหนึ่งในเรื่อง The Railway Man ซึ่งเป็นภาพยนตร์ดังระดับโลกที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ช่วงสงครามครั้งนั้นเอาไว้อย่างละเอียดอีกด้วย
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ไปยัง สะพานข้ามแม่น้ำแคว มีระยะทางประมาณ 127 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดตลอดเวลา
พิกัด GPS : 14°02'30.1"N 99°30'14.9"E
อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=47
2. ถ้ำกระแซ
ถ้ำกระแซเป็นถ้ำขนาดเล็กที่อยู่ในเส้นทางรถไฟสายมรณะ โดยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ้ำแห่งนี้เคยใช้เป็นที่พักของเชลยศึกขณะที่กำลังก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะไทย-พม่าขึ้น โดยบริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากมีลักษณะเป็นเส้นทางที่โค้งชันเลียบเขาและด้านล่างยังเป็นแม่น้ำลึกอีกด้วย จนทำให้เส้นทางบริเวณนี้ได้สมญานามว่าโค้งมรณะ ตัวถ้ำกระแซอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟ บริเวณปากถ้ำเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทางรถไฟและแม่น้ำแควน้อยเบื้องล่าง ภายในถ้ำกระแซเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้าไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังสามารถเดินชมเส้นทางรถไฟเลียบเขาได้อีกด้วย โดยมุมที่เป็นไฮไลท์จะอยู่บริเวณสะพานถ้ำกระแซที่มีลักษณะเป็นสะพานทางรถไฟที่สร้างขึ้นด้วยไม้เลียบไปบริเวณหน้าผาที่มีความยาวกว่า 450 เมตร ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกจุดหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายมรณะ เพราะสามารถชมแม่น้ำแควน้อยได้ในมุมกว้าง และยังสามารถเที่ยวชมเส้นทางรถไฟได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย แต่ควรเดินเที่ยวชมด้วยความระมัดระวัง
การเดินทาง : จาก สะพานข้ามแม่น้ำแคว ไปยัง ถ้ำกระแซ มีระยะทางประมาณ 46 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00 น. - 18:00 น.
พิกัด GPS : 14°06'18.3"N 99°10'00.0"E
อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ ถ้ำกระแซได้ ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=962
3. อนุสรณ์สถานพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด
อนุสรณ์สถานพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดสร้างขึ้นในรูปแบบพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำที่จัดแสดงเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 และความโหดร้ายในการสร้างทางรถไฟสายมรณะเอาไว้ให้ผู้ที่สนใจได้เที่ยวชมศึกษาโดยเฉพาะบริเวณช่องเขาขาดที่ต้องตัดเส้นทางผ่านภูเขา ซึ่งเป็นจุดที่มีความยากลำบากในการสร้างมากที่สุด จนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากการใช้แรงงานอย่างหนัก จนทำให้เส้นทางนี้เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า ช่องไฟนรก เมื่อสงครามสงบลงรัฐบาลไทยและรัฐบาลออสเตรเลียได้ร่วมมือกันสร้าง อนุสรณ์สถานพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑสถานแห่งความทรงจำนี้ขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงผู้ที่สละชีพในครั้งนั้น โดยภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงข้อมูลของสงครามโลกครั้งที่ 2 และประวัติความเป็นมาของช่องเขาขาด อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินไปยังบริเวณช่องเขาขาดซึ่งเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขาที่มีความกว้างประมาณ 17 เมตร ภายในบริเวณมีบรรยากาศที่เงียบสงบ บริเวณพื้นมีร่องรอยของทางรถไฟที่ยังเหลืออยู่ และสองข้างทางยังมีป้ายข้อความรำลึกและธงประเทศต่างๆ ประดับไว้เป็นอนุสรณ์รำลึก นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมที่ชื่อว่าอ่างแห่งสันติที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อระลึกถึงความโหดร้ายในการสร้างทางสายรถไฟสายนี้อีกด้วย
การเดินทาง : จาก ถ้ำกระแซ ไปยัง อนุสรณ์สถานพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด มีระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 09:00 น. - 16:00 น.
พิกัด GPS : 14°21'10.1"N 98°57'17.0"E
อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ อนุสรณ์สถานพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=970
4. สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก
สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือ สุสานทหารสหประชาชาติ หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีเรียกว่า "ป่าช้าอังกฤษ" เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานแด่ผู้เสียชีวิต ที่ทางฝ่ายสัมพันธมิตรได้มีการจัดสร้างขึ้นในประเทศต่างๆ โดยสร้างในประเทศไทย 2 แห่ง ในพม่า 3 แห่ง ในอินเดีย 6 แห่ง ในบังกลาเทศ 5 แห่ง และในปากีสถานกับศรีลังกาประเทศละ 2 แห่ง โดยสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรักเป็นสุสานขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ 17 ไร่ ทางเข้าเป็นซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่ ภายในเรียงรายด้วยหลุมศพเชลยศึกส่วนหนึ่งที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม เหนือหลุมฝังศพแต่ละหลุมมีแผ่นทองเหลืองจารึก ชื่อ อายุ และประเทศของผู้เสียชีวิต รวมทั้งข้อความอาลัยอันโศกเศร้า บริเวณโดยรอบมีบรรยากาศที่เงียบสงบ และได้รับการปรับแต่งภูมิทัศน์ไว้อย่างเป็นระเบียบและสวยงามด้วยสนามหญ้าและต้นไม้ โดยในทุกๆ ปีจะมีวันที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตเฉพาะของคนชาติต่างๆ หมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวควรเที่ยวชมอย่างสงบและสำรวม
การเดินทาง : จาก อนุสรณ์สถานพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ไปยัง สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก มีระยะทางประมาณ 81 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
เวลาทำการเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00 น. - 17:00 น.
พิกัด GPS : 14°01'53.9"N 99°31'32.0"E
อ่านรายละเอียดเพื่มเติมเกี่ยวกับ สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=968
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์จังหวัดกาญจนบุรี http://www.kanchanaburi.go.th/
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) https://thai.tourismthailand.org/
บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) http://www.busticket.in.th , http://www.thairoute.com
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
น้ำตกไทรโยคใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
น้ำตกไทรโยคใหญ่ (Sai Yok Yai Waterfall) เปรียบเสมือนอัญมณีแห่งเมืองกาญจนบุรี ด้วยความงามของม่านน้ำอันยิ่งใหญ่ที่ไหลรินลงมาจากหน้าผาสูงและกลายเป็นสายน้ำที่ทอดยาว รายล้อมไปด้วยป่าไม้ร่มรื่น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี
อ่านต่อต้นจามจุรียักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย
ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Monkey Pod Tree) อายุกว่า 100 ปี ที่ยืนตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองกาญจนบุรีในปัจจุบัน
อ่านต่อคู่มือการดำเนินการตามกระบวนการเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์
การมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือประสบความเสียหายต่อยานพาหนะของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดและท่วมท้น อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์สามารถช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
อ่านต่อสวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย
อ่านต่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ
อ่านต่อน้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง
อ่านต่อตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย
ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย
อ่านต่อตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้
อ่านต่อวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967
อ่านต่อวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย
วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย
อ่านต่อ