3 วัน 2 คืน อุบลราชธานี : เที่ยวอุทยานลานหินผา ตระการตาวัดป่าเรืองแสง เยือนแก่งหินถิ่นลำน้ำโขง

  • อ่าน (4,877)
  • ByWebmaster
  • 17:02:40 | 21 เม.ย. 2564

3 วัน 2 คืน อุบลราชธานี

เที่ยวอุทยานลานหินผา ตระการตาวัดป่าเรืองแสง เยือนแก่งหินถิ่นลำน้ำโขง

             ทริปนี้ Palanla จะพาทุกคนไปเที่ยวกันถึงสุดเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางภาคอีสานตอนล่างและมีพรมแดนติดกับประเทศลาวโดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นเขตแดนระหว่างสองประเทศเอาไว้ จังหวัดอุบลราชธานีมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยงามมากมาย และมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งทั้งทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ซึ่งถ้ามีเวลาว่างสักสองสามวัน อยากให้ลองมาเที่ยวที่จังหวัดอุบลราชธานีดูสักครั้ง แล้วจะพบว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าไปท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างมาก  


แผนที่ประเทศไทย แสดงตำแหน่งของจังหวัดอุบลราชธานี


แผนที่แสดงตำแหน่งของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้ง 3 วันในจังหวัดอุบลราชธานี โดยเส้นทางท่องเที่ยวในแต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน (วันที่ 1 เส้นสีแดง วันที่ 2 เส้นสีเหลือง วันที่ 3 เส้นสีน้ำเงิน)

--- วันที่ 1 ---

(กรุงเทพฯ – อุบลราชธานี : กทม. - แก่งสะพือ - อุทยานแห่งชาติผาแต้ม - หาดพัทยาน้อย -  วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว))

             ในวันที่ 1 หากจะเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานีโดยรถยนต์ ควรออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่ช่วงเช้ามืดประมาณตีสี่ เนื่องจากมีระยะทางประมาณหกร้อยกิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 8 ชั่วโมง แต่ถ้าสามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ก็จะประหยัดเวลาในการเดินทางได้มากกว่าซึ่งจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น โดยลงเครื่องที่สนามบินอุบลราชธานี ทาง Palanla แนะนำให้เดินทางโดยเครื่องบินในเที่ยวบินเช้า เพื่อไปถึงยังจังหวัดอุบลราชธานีในตอนสายๆ ซึ่งวันนี้เราจะไปเที่ยวกัน 4 แห่ง ได้แก่ แก่งสะพือ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม หาดพัทยาน้อย และวัดสิรินธรวราราม เมื่อดูจากเส้นทางบนแผนที่แล้วจะพบว่าวันนี้เราจะเดินทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอพิบูลมังสาหารก่อนเป็นที่แรกเพื่อเที่ยวแก่งสะพือ จากนั้นเราจะเดินทางไปยังอำเภอโขงเจียมเพื่อเที่ยวอุทยานแห่งชาติผาแต้ม แล้วเราจะย้อนลงมายังเส้นทางที่ผ่านมาแล้วนิดหน่อยเพื่อไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอสิรินธรอีก 2 แห่งคือ หาดพัทยาน้อย และวัดสิรินธรวราราม ซึ่งเหตุที่เราต้องเก็บวัดสิรินธรวรารามไว้เที่ยวในตอนท้ายของวัน เนื่องจากวัดสิรินธรวรารามต้องมาเที่ยวตอนพระอาทิตย์ตก เพราะไฮไลท์อยู่ตรงที่ภาพจิตรกรรมที่ผนังด้านหลังอุโบสถที่จะเรืองแสงสวยงามตระการตาในยามที่ท้องฟ้ามืดลง


แก่งสะพือ

             สถานที่แรกที่เราจะเริ่มไปเที่ยวกันคือ แก่งสะพือ (Kaeng Saphue) ซึ่งเป็นบึงขนาดใหญ่ที่อยู่ขวางทางน้ำไหลของแม่น้ำมูล ในแก่งมีก้อนหินกระจัดกระจายอยู่ซึ่งจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาให้เห็นในช่วงฤดูแล้ง ส่วนในช่วงน้ำหลากจะกลายเป็นที่เล่นน้ำที่เต็มไปด้วยผู้คน เพราะมีความสวยงามจากกระแสน้ำที่ไหลมากระทบหินจนกระเซ็นเป็นฟองขาวและเกิดเสียงของสายน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา จึงกลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี

โดยเมื่อเที่ยวแก่งสะพือเสร็จแล้ว สามารถแวะตลาดในบริเวณใกล้เคียงเพื่อรับประทานอาหารหรือซื้อของตามอัธยาศัย ก่อนที่จะเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติผาแต้มกันต่อ

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 15°14'46.7"N 105°14'33.3"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แก่งสะพือ ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=404


อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

             จากแก่งสะพือเราจะเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ซึ่งจะเดินทางต่อไปอีกประมาณ 46.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที

             อุทยานแห่งชาติผาแต้ม (Pha Taem National Park) มีสถานที่ที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์และทางธรณีวิทยาให้เที่ยวชมมากมาย ที่พลาดไม่ได้คือ ภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ด้วยฝีมือมนุษย์โบราณที่บริเวณริมหน้าผา เสาเฉลียงที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำ สายลม และแสงแดดมานับล้านปีจนมีรูปร่างแปลกตา ลานหินต่างๆ และจุดชมวิวแม่น้ำโขงจากบนหน้าผาสูง

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06:00 น. – 16:30 น.

พิกัด GPS : 15°23'55.5"N 105°30'27.1"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=395


หาดพัทยาน้อย

             หลังเที่ยวอุทยานแห่งชาติผาแต้มเสร็จก็น่าจะเป็นเวลาบ่ายเกือบเย็นแล้ว เราก็จะเดินทางย้อนทางเดิมลงมาเล็กน้อยเพื่อไปเที่ยวยังหาดพัทยาน้อยกันต่อ หรือหากใครจองโรงแรมที่พักไว้แถวโขงเจียมก็สามารถแวะไปเช็คอินก่อนแล้วค่อยออกมาเที่ยวต่อก็ได้เพราะอยู่ไม่ไกลกัน โดยจากผาแต้มไปยังหาดพัทยาน้อยมีระยะทางประมาณ 46 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที โดยเราอาจจะหามื้อเย็นทานที่นี่ก็ได้เพราะมีร้านอาหารเยอะ และบรรยากาศดี

             หาดพัทยาน้อย (Pattaya Noi) เป็นสถานตากอากาศและแหล่งเล่นน้ำที่อยู่บริเวณริมอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ของเขื่อนสิรินธร มีบรรยากาศคล้ายทะเลขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นแบบสวนน้ำสีสันสดใส เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนอุบลและพื้นที่ใกล้เคียงจนได้รับการขนานนามว่าเป็นทะเลอีสานใต้ บริเวณหาดพัทยาน้อยจะมีเรือนแพตั้งเรียงรายยื่นลงไปในอ่างเก็บน้ำ เป็นที่ตั้งของร้านอาหารต่างๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยว

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 15°10'27.3"N 105°21'30.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หาดพัทยาน้อย ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=396


วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว)

             เมื่อเที่ยวหาดพัทยาน้อยเสร็จแล้วในช่วงเย็น ก็ได้เวลาเดินทางไปยังวัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) โดยมีระยะทางจากหาดพัทยาน้อยไปประมาณ 28 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที ซึ่งที่ต้องมาในช่วงเย็นใกล้ค่ำเพราะจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวของวัด และชมวัดเรืองแสงหลังพระอาทิตย์ตกดินกัน

             วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) (Wat Sirindhorn Wararam (Wat Phu Prao)) เป็นวัดป่าที่รู้จักกันในนามวัดเรืองแสง เนื่องจากมีผลงานพุทธศิลป์ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบจิตรกรรมภาพเขียนต้นกัลปพฤกษ์ที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถซึ่งจะเรืองแสงสีเขียวในยามค่ำคืน ก่อให้เกิดภาพที่สวยงามตระการตา สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ชมเป็นอย่างมาก ผลงานจิตรกรรมอันเลื่องชื่อนี้ออกแบบโดยช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิตในภาพยนตร์เรื่องอวตาร นอกจากนี้ วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามซึ่งสามารถมองเห็นลำน้ำโขงและอ่างเก็บน้ำบริเวณเชิงเขาได้อย่างชัดเจน เป็นสถานที่ที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

             เราจะจบวันแรกด้วยการชมวัดป่าเรืองแสง และเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อเตรียมตัวไปท่องเที่ยวกันต่อในวันรุ่งขึ้น

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6:00 น. – 21:00 น.

พิกัด GPS : 15°09'01.6"N 105°28'01.6"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=397


--- วันที่
2 ---

(เสาเฉลียงคู่ - ผาชะนะได – สามพันโบก – หาดชมดาว แก่งหินงาม)

             วันที่ 2 หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราจะเช็คเอาท์ออกจากที่พักและไปเที่ยวกันต่อในเส้นทางรอยต่อจากอำเภอโขงเจียมไปยังอำเภอโพธิ์ไทรและยาวไปยังอำเภอนาตาล โดยสถานที่แรกที่เราจะเดินทางไปคือ เสาเฉลียงคู่


เสาเฉลียงคู่

             เสาเฉลียงคู่ (Sao Cha Lhiang Ku / Twin Rock Pillar) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอำเภอโขงเจียมในความดูแลของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นเสาหินสีเทาดำอายุนับล้านปีที่มีลักษณะเป็นเสาหินคู่และแต่ละเสาก็จะมีก้อนหินวางอยู่ด้านบนในแนวนอน มองดูแล้วมีรูปทรงเหมือนดอกเห็ดยักษ์สองต้น โดยเสาหินรูปร่างประหลาดนี้เกิดจากการกัดกร่อนจากกระแสลม กระแสน้ำ และแสงแดด

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06:00 น. – 16:30 น.

พิกัด GPS : 15°36'47.0"N 105°35'45.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เสาเฉลียงคู่ ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=398


ผาชะนะได

             หลังจากเที่ยวเสาเฉลียงคู่เสร็จแล้ว เราจะเดินทางต่อไปยังผาชะนะได ที่อยู่ใกล้ๆ กัน โดยมีระยะทางจากเสาเฉลียงคู่ไปประมาณ 10.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที 

ผาชะนะได (Pha Chana Dai) ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่จะเห็นดวงตะวันก่อนใครในสยาม เป็นพื้นที่ที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้คำนวณการขึ้นของดวงอาทิตย์ในประเทศไทย ผาชะนะไดเป็นผาที่มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง และมีหน้าผาที่สูงชันซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 450 เมตร จากบริเวณนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำโขงและสภาพภูมิประเทศของฝั่งลาว เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งนับเป็นแสงแรกของวัน และจะยิ่งสวยงามในช่วงปลายฝนต้นหนาวที่จะเต็มไปด้วยทะเลหมอกในตอนรุ่งเช้า

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06:00 น. – 16:30 น.

พิกัด GPS : 15°37'14.5"N 105°36'58.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผาชะนะได ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=399


สามพันโบก

             หลังจากเที่ยวผาชะนะไดและได้ชมวิวแม่น้ำโขงจากมุมสูงกันไปแล้ว สถานที่ต่อมาเราจะได้ใกล้ชิดกับแม่น้ำโขงมากขึ้น เพราะเราจะไปเที่ยวสามพันโบก สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี โดยจากผาชะนะไดไปยังสามพันโบกมีระยะทางประมาณ 64.3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 28 นาที ซึ่งระหว่างทางแนะนำให้แวะรับประทานอาหารกลางวันหรือแวะคาเฟ่เพื่อพักหลบร้อนและเติมพลังกันก่อน

             สามพันโบก (Sam Phan Bok) ได้ชื่อว่าเป็นแกรนด์แคนยอนแห่งลำน้ำโขง ตั้งอยู่ในอำเภอโพธิ์ไทร เป็นแก่งขนาดใหญ่ที่จะโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำโขงในช่วงฤดูแล้งที่แม่น้ำลดระดับลง แก่งแห่งนี้มีสภาพแปลกตาเพราะมีแอ่งจำนวนมากกว่าสามพันแอ่งอยู่บนแก่งหินแห่งนี้ จนได้ชื่อว่าสามพันโบก เนื่องจากคำว่า "โบก" ในภาษาท้องถิ่น หมายถึง "แอ่ง" นั่นเอง โดยแอ่งเหล่านี้เกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำวนมายาวนานนับร้อยกว่าล้านปี โดยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะทำให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และมีทิวทัศน์ที่ถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนาน 

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 15°47'54.6"N 105°23'43.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สามพันโบก ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=400


หาดชมดาว แก่งหินงาม

             หลังจากเที่ยวสามพันโบกเสร็จแล้ว เราจะเดินทางไปยังหาดชมดาว แก่งหินงาม ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก โดยมีระยะทางจากสามพันโบกไปประมาณ 21.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 24 นาที

             หาดชมดาว แก่งหินงาม (Chomdao Beach at Kaenghinngam) ตั้งอยู่ในอำเภอนาตาล เป็นแนวหาดทรายและแก่งหินอันกว้างใหญ่ริมแม่น้ำโขงทอดยาวหลายร้อยเมตรซึ่งจะโผล่พ้นแม่น้ำขึ้นมาในช่วงฤดูแล้ง โดยแก่งหินจะมีรูปร่างแปลกตาซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำมาอย่างยาวนานกว่าร้อยล้านปีจึงทำให้หินมีลักษณะเป็นริ้ว เป็นโพรง และเป็นแอ่ง ในส่วนของหาดทรายริมโขงจะมองดูเหมือนชายหาดริมทะเล บริเวณนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและเป็นจุดชมจันทร์และดวงดาวยอดนิยมอีกด้วย

             หลังจากเที่ยวหาดชมดาว แก่งหินงามเสร็จแล้ว แนะนำให้แวะทานอาหารเย็นบริเวณริมแม่น้ำโขง ซึ่งตลอดทางจะมีร้านอาหารให้เลือกหลายร้าน หรือถ้าวันที่ไปเที่ยวนี้ตรงกับวันเสาร์ แนะนำให้ไปหาอะไรทานที่ถนนคนเดินเขมราฐที่อยู่ห่างจากหาดชมดาวแก่งหินงามไปประมาณ 30 กิโลเมตร จากนั้นเช็คอินเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อเตรียมตัวเที่ยวต่อในรุ่งขึ้น

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 15°54'23.1"N 105°20'50.1"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หาดชมดาว แก่งหินงาม ได้ที่ : https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=401


--- วันที่
3 ---

(วัดพระธาตุหนองบัว  - ต้นเทียนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งศรีเมือง – ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี – กรุงเทพ)

             วันที่ 3 ของการเดินทาง หลังจากทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์ออกจากที่พักแล้ว เราจะไปเที่ยวกันในตัวอำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยเริ่มต้นท่องเที่ยวกันที่วัดพระธาตุหนองบัว


วัดพระธาตุหนองบัว

             วัดพระธาตุหนองบัว (Wat Phrathat Nong Bua) โดดเด่นด้วยรูปปั้นพญานาคคู่ใหญ่บริเวณด้านหน้า ด้านในเป็นที่ตั้งของพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์สีขาวสะอาดตัดด้วยลวดลายสีทองและตกแต่งด้วยองค์พระพุทธรูป ซึ่งเจดีย์นี้จำลองมาจากเจดีย์ที่พุทธคยาของประเทศอินเดีย ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากเป็นวัดดังแห่งเมืองอุบลแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งอีกด้วย

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6:00 น. - 18:00 น.

พิกัด GPS : 15°15'48.0"N 104°50'20.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระธาตุหนองบัว ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=394


ต้นเทียนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งศรีเมือง

             จากพระธาตุหนองบัวเราจะเดินทางไปยังทุ่งศรีเมืองกันต่อ เพื่อไปชมต้นเทียนเฉลิมพระเกียรติ แลนด์มาร์กแห่งเมืองอุบล โดยจากวัดพระธาตุหนองบัวไปยังต้นเทียนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งศรีเมือง มีระยะทางประมาณ 5.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 นาที

             ต้นเทียนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งศรีเมือง (Ton Thien Chalerm Phrakiat at Thung Sri Mueang) เป็นอภิมหาเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยสลักเทียนเป็นลวดลายในตอนหนึ่งของพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก โดยต้นเทียนนี้ตั้งอยู่ภายในทุ่งศรีเมืองซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งเปรียบเสมือนปอดแห่งใหญ่ของเมืองอุบลราชธานี

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 15°13'48.7"N 104°51'26.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ต้นเทียนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งศรีเมือง ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=393


ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี

             จากทุ่งศรีเมืองเราจะเดินไปยังศาลหลักเมืองอุบลราชธานีที่อยู่ใกล้ๆ กัน โดยมีระยะทางประมาณ 270 เมตร ใช้เวลาเดินไปประมาณ 3 นาที

             ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี (Ubon Ratchathani City Pillar Shrine) เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ใกล้กับทุ่งศรีเมือง ภายในมีเสาหลักเมืองที่ผ่านการทำพิธีสำคัญ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จมาเป็นประธานในพิธีเปิดเมื่อพ.ศ. 2519 เป็นสถานที่ที่ชาวอุบลให้ความเคารพนับถือ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะเข้าไปสักการะเพื่อความเป็นศิริมงคลให้กับตนเองและเพื่อให้เดินทางอย่างแคล้วคลาดปลอดภัย

             เมื่อเที่ยวศาลหลักเมืองเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพกันโดยสวัสดิภาพ 

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดตลอดเวลา

พิกัด GPS : 15°13'41.9"N 104°51'27.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาลหลักเมือง ได้ที่https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=403

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ