- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
![](https://www.palanla.com//upload/core/pic-4971673179288.jpg)
- อ่าน (12,597)
- ByWebmaster
- 17:40:56 | 20 เม.ย. 2564
วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
Wat Sirindhorn Wararam (Wat Phu Prao), Ubon Ratchathani, Thailand
ความสวยงามตระการตาของจิตรกรรมเรืองแสงบริเวณอุโบสถของวัดสิรินธรวรารามในช่วงหลังพระอาทิตย์ตกดิน
วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) (Wat Sirindhorn Wararam (Wat Phu Prao)) เป็นวัดป่าที่รู้จักกันในนามวัดเรืองแสงจากผลงานพุทธศิลป์ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบจิตรกรรมภาพเขียนต้นกัลปพฤกษ์ที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถซึ่งจะเรืองแสงสีเขียวในยามค่ำคืน ก่อให้เกิดภาพที่สวยงามแปลกตา อีกทั้งยังมีการสลักลวดลายเรืองแสงลงบนลานหินด้านนอกของอุโบสถซึ่งยิ่งส่งเสริมให้งานพุทธศิลป์นี้มีความอลังการสร้างความตราตรึงใจให้แก่ผู้ที่มาเยือน วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้มาเยือนเมืองอุบลไม่ควรพลาด
แผนที่ตั้ง วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) (Wat Sirindhorn Wararam (Wat Phu Prao)) จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
ประวัติ
วัดสิรินธรวรารามแต่เดิมชื่อว่าวัดภูพร้าว เป็นวัดป่าที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงในอำเภอสิรินธร ตัวอุโบสถจำลองมาจากวัดเชียงทองของประเทศลาวแต่มีขนาดใหญ่กว่าของจริงประมาณหนึ่งเท่า ด้านในอุโบสถจะมีเสาเรียงรายทอดยาวไปยังพระประธานปางสมาธิที่ประดิษฐานอยู่ภายใน โดยเสาเหล่านี้มีการลงลวดลายดอกบัวเอาไว้เพื่อแฝงคติธรรมเรื่องบัวสี่เหล่า
ด้านหลังอุโบสถเป็นจิตรกรรมฝาผนังภาพต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง ออกแบบโดยช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิตในภาพยนตร์เรื่องอวตาร และยังเป็นต้นคิดในการนำเอา “สารฟอสเฟอร์” ซึ่งเป็นสารเรืองแสงมาใช้ในงานศิลปะที่งดงามแห่งนี้อีกด้วย นอกจากนี้บริเวณลานยังมีการฝังลวดลายนูนต่ำซึ่งจะเรืองแสงในช่วงพระอาทิตย์ตกดินด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ นอกจากนี้ วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามซึ่งสามารถมองเห็นลำน้ำโขงและอ่างเก็บน้ำบริเวณเชิงเขาได้อย่างชัดเจน
วัดแห่งนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่าวัดสิรินธรวรารามในปีพ.ศ. 2547 และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดอุบลราชธานี
อุโบสถและลานหินที่สลักลวดลวยซึ่งอาจดูธรรมดาในเวลากลางวัน
ความสวยงามของอุโบสถสีทองและลานเรืองแสงสีเขียวในตอนพลบค่ำ
พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถ และเสาลายดอกบัว
บรรยากาศช่วงมีงานปิดทองลูกนิมิตร
อุโบสถมีการตกแต่งโดยรอบด้วยรูปสลักพญานาค
ผลจิตรกรรมภาพต้นกัลปพฤกษ์ด้านหลังอุโบสถในตอนกลางวัน
ผลงานจิตรกรรมเรืองแสงในตอนกลางคืนอย่างสวยงาม
การเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี
- รถยนต์ (Car) จากกรุงเทพ ไปยัง จังหวัดอุบลราชธานี โดยรถยนต์ มีระยะทางประมาณ 606 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง 21 นาที
- เครื่องบิน (Flight) จากกรุงเทพ ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองหรือสนามบินสุวรรณภูมิ และลงเครื่องที่สนามบินอุบลราชธานี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที
- รถไฟ (Train) จากกรุงเทพ ขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพงหรือสถานีบางซื่อ ลงที่สถานีอุบลราชธานี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเวลาเดินรถ และค่าโดยสารได้ที่เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย https://www.dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/home/Home
- อื่นๆ (others) หากต้องการเดินทางโดยรถทัวร์ ให้ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต2 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 – 10 ชั่วโมง ลงที่สถานีขนส่งอุบลราชธานี โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเวลาเดินรถ และค่าโดยสารได้ที่เว็บไซต์บริษัทขนส่งจำกัด (บขส) https://ticket.transport.co.th/
การเดินทางไปวัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว)
- รถยนต์ (Car) จากตัวเมืองอุบลราชธานีไปยังวัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) มีระยะทางประมาณ 88.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
เนื่องจากไม่มีรถสาธารณะให้บริการในเส้นทางดังกล่าว นักท่องเที่ยวจึงอาจจะต้องเช่ารถขับ หรือเหมารถโดยสารท้องถิ่นไปยังวัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว)
เวลาทำการเปิด-ปิด
เปิดทุกวัน เวลา 6:00 น. – 21:00 น.
บรรยากาศความสวยงามที่เงียบสงบ
อัตราค่าเข้าชม
ไม่เสียค่าเข้าชม
สามารถชมพระอาทิตย์ตกดินและลำน้ำโขงจากจุดชมวิวบริเวณวัดได้อย่างเต็มตา
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ถ้าต้องการชมวัดเรืองแสง ควรมาช่วงพระอาทิตย์ตกดิน สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนา
วัดเรืองแสงแห่งเมืองอุบล
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
วัดสิรินธรวราราม (วัดภูพร้าว) จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
(Wat Sirindhorn Wararam (Wat Phu Prao), Ubon Ratchathani, Thailand)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6:00 น. – 21:00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ถ้าต้องการชมวัดเรืองแสง ควรมาช่วงพระอาทิตย์ตกดิน
สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนา
สถานที่ตั้ง : จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
โทรศัพท์ : (+66) 089-865-8225
เว็บไซต์ : https://i-san.tourismthailand.org/1782/
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
เพจเฟซบุ๊กวัดสิรินธรวราราม https://www.facebook.com/watphuprao/
เว็บไซต์จังหวัดอุบลราชธานี http://ubonratchathani.go.th/home/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ https://i-san.tourismthailand.org/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202307121701922558_33574_37-7900.png)
5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย
จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202307121701921664_66937_37-9155.jpg)
วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย
วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202307121701918154_78010_37-6480.png)
8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202307121701916880_78028_37-7297.jpg)
ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202307121701916268_93127_37-8809.jpg)
น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202307121701915080_71739_37-2018.jpg)
เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย
เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202303031677827064_74966_37-9214.jpg)
วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202303031677826237_89093_37-6298.jpg)
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202303031677825478_63890_37-6904.jpg)
ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน
อ่านต่อ![](https://www.palanla.com//upload/dms/pictures/pic-202317011673975462_57311.jpg)
วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย
วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม
อ่านต่อ