บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ประเทศไทย

  • อ่าน (5,439)
  • ByWebmaster
  • 13:09:50 | 26 มี.ค. 2564

บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ประเทศไทย

Chaeson Hot Spring, Lampang Province, Thailand

 

             บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน (Chaeson Hot Spring) เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีลักษณะเป็นธารน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยโขดหินธรรมชาติสวยงามแทรกอยู่ท่ามกลางแอ่งน้ำร้อนภายในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน 

 


ประวัติ

             น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนมีบ่อน้ำพุที่ผุดขึ้นมาเป็นบ่อเล็กๆ 9 บ่อ โดยแหล่งน้ำพุร้อนเหล่านี้เกิดจากน้ำบนผิวดิน ไหลซึมผ่านรอยแตกของระหว่างชั้นหินลงไปใต้ดิน ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับรอยเลื่อนแม่ทา ทำให้ใต้ดินมีอุณหภูมิสูงถึง 149 องศาเซลเซียส โดยความร้อนจะดันน้ำกลับขึ้นมาสู่ผิวดินเบื้องบนอีกครั้ง กลายเป็นแอ่งน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิราว 68 - 82 องศาเซลเซียส

             บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนจะมีบ่อและธารน้ำแร่ที่ไหลเรื่อยไปตามโขดหินน้อยใหญ่ที่มีอยู่กระจัดกระจาย และตลอดเวลาก็จะมีไอน้ำลอยขึ้นจากบ่อปกคลุมรอบๆ บริเวณพร้อมกับกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ ทางอุทยานฯ ได้ปรับแต่งภูมิทัศน์และสภาพพื้นที่ในบริเวณบ่อน้ำร้อนให้สวยงามและมีทางเดินปลอดภัยลัดเลาะไปตามบ่อน้ำร้อนเหล่านั้น ทิวทัศน์รอบๆ บริเวณบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนจะมีความงดงามเป็นพิเศษในยามเช้า เพราะนอกจากจะมีไออุ่นและหมอกควันจากความร้อนของสายน้ำที่ก่อตัวอบอวลอยู่เหนือธารน้ำอุ่นเหล่านั้นแล้ว แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าก็ยังขับให้บรรยากาศโดยรอบสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก  

             กิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนก็คือการ “ต้มไข่” ในบ่อน้ำพุที่อุณหภูมิสูงถึงกว่า 80 องศาเซลเซียส โดยในอุทยานฯ มีไข่ไก่และไข่นกกระทาเตรียมไว้ขายให้นักท่องเที่ยวได้นำไข่ไปแช่ ซึ่งจะมีคำแนะนำว่าหากต้มไข่ไก่นาน 17 นาที จะได้ไข่ต้มที่ไข่แดงแข็ง ส่วนไข่ขาวเหลวเป็นวุ้นคล้ายไข่เต่า เรียกว่า “ไข่น้ำแร่” หรือไข่ออนเซน สามารถรับประทานเปล่าๆ หรือเหยาะซีอิ้วโรยพริกไทยเพิ่มรสชาติก็ได้เช่นกัน  

             นอกจากนี้หากนักท่องเที่ยวต้องการลงไปแช่น้ำแร่ร้อนเพื่อบำบัดความเมื่อยล้าของร่างกาย หรือเรียกความสดชื่นให้ร่างกายก็สามารถลงไปแช่ในแอ่งน้ำอุ่น เป็นบ่อแช่ตัวรวมกลางแจ้งบ่อใหญ่ที่มีอุณหภูมิพอเหมาะแก่การแช่อาบคือประมาณ 39 - 42 องศาเซลเซียส บ่อน้ำอุ่นแห่งนี้เป็นน้ำที่เกิดจากการไหลมาบรรจบกันของน้ำพุร้อนและน้ำเย็นของลำน้ำแม่มอญที่ไหลมาจากน้ำตกแจ้ซ้อน   

             นักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการแช่บ่อรวมทางอุทยานฯ ก็มีห้องแช่น้ำแร่ส่วนตัว โดยใช้น้ำแร่ที่ต่อตรงมาจากบ่อน้ำร้อน มีทั้งห้องอาบแบบแช่รวมซึ่งแยกชายและหญิง มีทั้งห้องในร่มและกลางแจ้ง รวมถึงมีห้องอาบน้ำแร่แบบเป็นหลังๆ พร้อมด้วยอ่างอาบน้ำส่วนตัวให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการตามความต้องการ

             สำหรับผู้ที่ต้องการเพียงนั่งแช่เท้าให้ผ่อนคลายก็มีบ่อแช่เท้าโดยเฉพาะซึ่งเชื่อมต่อกับสายน้ำแม่มอญที่ไหลมาจากน้ำตกแจ้ซ้อน บริเวณนี้ทำที่นั่งไว้ให้ล้อมวงนั่งแช่เท้าพูดคุยกันในบรรยากาศอันร่มรื่นของแมกไม้รอบๆ ด้วย

 
ต้มไข่ในน้ำแอ่งน้ำพุร้อน

 
ทางอุทยานฯ มีไข่ไก่จำหน่ายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการทดลองต้มไข่

 
ตะไคร่สะเขียวมรกตและเส้นสายสีขาวเล็กๆ ยาวๆ ที่พลิ้วไหวตามสายน้ำ คือแบคทีเรีย Chloroflexus aurantiacus ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 50 องศาเซลเซียส

 
ป้ายบอกทางไปห้องอาบน้ำแร่

 
ทางเดินเชื่อมไปยังห้องอาบน้ำแร่

 
บรรยากาศสวยงามร่มรื่นภายในบริเวณรอบๆ บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน


การเดินทางไปจังหวัดลำปาง

 

             - เครื่องบิน (Flight) การเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ไปสนามบินจังหวัดลำปางใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดลำปาง มีระยะทาง 600 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง 30 นาที   

             - รถไฟ (Train) การเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดลำปาง ใช้เวลาเร็วสุดประมาณ 8 ชั่วโมง ทั้งนี้อาจใช้เวลานานกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟ    


การเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

             บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน ห่างจากตัวจังหวัดลำปาง 73 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถโดยสารประจำทางสายลำปาง-แจ้ซ้อน จากบริเวณถนนตลาดเก่าไปลงที่ทำการอุทยานฯ ค่าโดยสารราคา 50 บาท มีรถออกจากลำปางตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น.


เวลาทำการเปิด – ปิด

             อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.00 – 18.00 น.


อัตราค่าเข้าชม

             ชาวไทยเด็ก -  ผู้ใหญ่ 50 บาท

             ชาวต่างชาติเด็ก - ผู้ใหญ่ 150 บาท


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

             บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนได้รับการรับรองมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ำพุร้อนจากกรมการท่องเที่ยวและกีฬา มีอุณภูมิสูงสุด 82 องศาเซลเซียส เมื่อมาเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนนักท่องเที่ยวนิยมเอาไข่ไก่มาแช่ จะได้ไข่แดงแข็ง ไข่ขาวเป็นวุ้น นอกจากนี้ยังมีบริการแช่อาบน้ำพุร้อนและกิจกรรมนวดคลายเส้นด้วยที่ไม่ควรพลาด

 
นวดแผนไทย


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถเที่ยวได้ตลอดปี ทั้งนี้ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงที่ดอกกระเสี้ยวออกดอกบานสะพรั่งทั่วทั้งอุทยานฯ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไปชมดอกไม้สวยๆ ในเวลาเดียวกัน


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             การแช่น้ำแร่ร้อนนานเกินไปจะกลายเป็นผลเสียต่อร่างกาย โดยอาจเกิดอาการเวียนหัว หน้ามืด เป็นลมได้ เวลาที่เหมาะสมสำหรับการแช่จึงไม่ควรนานเกิน 10-15 นาที (ต่อการลง 1 ครั้ง) ตามที่ทางอุทยานฯ ได้ติดป้ายให้ข้อมูลไว้

 


             นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน จังหวัดลำปาง ประเทศไทย

                         (Chaeson Hot Spring, Lampang Province, Thailand)

                         ระดับความนิยม :

                         อัตราค่าเข้าชม :  ชาวไทยเด็ก - ผู้ใหญ่ 50 บาท ชาวต่างชาติเด็ก - ผู้ใหญ่ 150 บาท

                         เวลาทำการเปิด – ปิด :อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.00 – 18.00 น.

                         ตั้งอยู่ที่ : ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง

                         โทรศัพท์ : (+66) 089 8513355  

                         เว็บไซต์ : -

                         ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com

                                       ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง https://lampang.mots.go.th

                                       ศูนย์ข้อมูลการเดินทางจังหวัดลำปาง http://www.lampang.go.th/travel/goto.htm

                                       ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพะเยา ประเทศไทย

จังหวัดพะเยาเป็นจังหวัดทางภาคเหนือที่เต็มไปด้วยวัดสวยๆ หลายแห่งที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาอย่างงดงาม และยังเป็นที่ตั้งของวนอุทยานภูลังกาที่มีธรรมชาติอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์ รวมถึงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อย่างกว๊านพะเยาให้เที่ยวชมอีกด้วย วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดพะเยามาฝากทุกท่านเพื่อเป็นแนวทางในการจัดทริปเที่ยวเหนือกันในวัดหยุดที่กำลังจะมาถึงนี้

อ่านต่อ

วัดพระนั่งดิน จังหวัดพะเยา ประเทศไทย

วัดพระนั่งดิน (Wat Phra Nang Din) เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้อยู่ที่องค์พระประธานภายในวิหารของวัด นามว่าพระเจ้านั่งดินที่ประดิษฐานอยู่บนพื้น ซึ่งต่างจากพระพุทธรูปทั่วไปที่ต้องประดิษฐานอยู่บนฐาน ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากในอดีตเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ไม่มีใครสามารถยกพระพุทธรูปขึ้นได้ แม้ต่อมาในยุคสมัยใหม่จะสามารถยกขึ้นประดิษฐานบนฐานได้ แต่หลังจากนั้นก็เกิดฟ้าผ่าลงหลังคาวิหารถึงสามครั้งจนต้องอัญเชิญพระพุทธรูปนี้ลงมาประดิษฐานไว้บนพื้นเช่นเดิม วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธาเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

จุดชมวิวภูลังกา จังหวัดพะเยา ประเทศไทย

จุดชมวิวภูลังกา (Phu Lanka Viewpoint) เป็นจุดชมวิวภายในวนอุทยานภูลังกาซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอำเภอเชียงคำและอำเภอปง ไฮไลท์ของจุดชมวิวนี้อยู่ที่สามารถชมทัศนียภาพของภูเขาและหน้าผาต่างๆ ได้แบบพาโนรามา มีความสวยงามแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาลและชมวิวได้ไกลถึงฝั่งลาว โดยช่วงเวลาที่ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดคือช่วงปลายฝนต้นหนาวที่มีทะเลหมอกล่องลอยท่ามกลางยอดดอยและหน้าผา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมที่สุดในจังหวัดพะเยา

อ่านต่อ

๑๒ วัดสวยในภาคเหนือ พุทธศิลป์แห่งอาณาจักรล้านนา

ภาคเหนือ เป็นหนึ่งในภูมิภาคของประเทศไทย ที่มีวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง และขนบธรรมเนียมประเพณีที่เรียบง่าย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีชื่อเสียงอยู่มากมาย รวมไปถึงมีผลงานพุทธศิลป์แบบล้านนาสุดแสนจะวิจิตร ที่สะท้อนออกมาในรูปแบบของสถาปัตยกรรมและประติมากรรมในวัดวาอารามต่าง ๆ เป็นเอกลักษณ์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะมากราบสักการะ พร้อมชื่นชมผลงานศิลปะล้านนาที่อ่อนช้อย และทรงคุณค่า วันนี้ Palanla จึงจะขอชวนออกเดินทางไปเที่ยวชม และรับสิริมงคลกับ 12 วัดสวยในภาคเหนือกันค่ะ

อ่านต่อ

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (Doi Inthanon National Park) สถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงประจำจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานที่สวยงาม และแวดล้อมไปด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน น้ำตก ถ้ำ ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนในทุกๆปี

อ่านต่อ

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (Phu Chi Fa National Park) ผืนป่าบนยอดดอยที่มีจุดชมทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ที่มีความสวยงามติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

อ่านต่อ

วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน ประเทศไทย

วัดจามเทวี (Wat Chamdhevi) วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำพูน ภายในวัดมีเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย

อ่านต่อ

กู่ช้าง กู่ม้า จังหวัดลำพูน ประเทศไทย

กู่ช้าง กู่ม้า (Khu Chang – Khu Ma) เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดลำพูน โดยเชื่อว่ากู่ช้าง เป็นสุสานช้างศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ส่วนกู่ม้า เป็นสุสานม้าทรงของพระโอรสในพระนางจามเทวี

อ่านต่อ

พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชราชานุสรณ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย

พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชราชานุสรณ์ (King Naresuan Stupa) เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นในรูปแบบของสถูปเจดีย์พร้อมกับพระบรมรูปเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และรำลึกเหตุการณ์ครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเคยเสด็จมาประทับแรมที่เมืองงายแห่งนี้ก่อนกรีฑาทัพต่อไปยังเมืองอังวะของพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2147 โดยสร้างขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นเส้นทางเดินทัพเมื่อในอดีต นักท่องเที่ยวและชาวเมืองเชียงใหม่นิยมมาสักการะและขอพร นอกจากนี้ ภายในบริเวณยังมีส่วนนิทรรศการค่ายหลวงจำลองที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งกรมศิลปากรจัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เที่ยวชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์อีกด้วย

อ่านต่อ

น้ำตกแม่สา จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย

น้ำตกแม่สา (Mae Sa Waterfall) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมในอำเภอแม่ริม น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 ชั้น สามารถเดินขึ้นไปชมความงดงามในแต่ละชั้นได้ตามทางเดินที่ทางอุทยานจัดทำไว้ให้ และหากใครสนใจเล่นน้ำคลายร้อนก็สามารถลงเล่นน้ำได้เช่นกัน โดยชั้นที่เป็นที่นิยมคือชั้นที่ 3-6 เพราะค่อนข้างปลอดภัยและสามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และห้องน้ำให้บริการอีกด้วย

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ