วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

  • อ่าน (9,606)
  • ByWebmaster
  • 15:10:46 | 24 ก.พ. 2564

วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

Wat Chetiya Khiri Wihan (Wat Phu Thok), Bueng Kan, Thailand

             วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดบึงกาฬที่มีความสวยงาม เป็นธรรมชาติ และเรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์ วัดที่ตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะในการดั้นด้นขึ้นไปแห่งนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้อยู่โดยตลอด

 


ประวัติ

             วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือ ภูทอก ตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2483 โดยพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ได้มาบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ภูวัว อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตรขึ้นเห็นปราสาท 2 หลัง ลักษณะสวยงามมากอยู่ทางด้านภูทอกน้อย ท่านจึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิตร และได้พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงานร่มรื่น เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม ต่อมาชาวบ้านคำแคนเห็นพระอาจารย์จวน ธุดงภ์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอาราธนาให้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอก

             “ภูทอก” ในภาษาอีสาน แปลว่า ภูเขาโดดเดี่ยว ภูทอกนั้นมีภูเขาอยู่ 2 ลูก ด้วยกัน คือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย ภูเขาลูกที่สามารถชมได้คือภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่จะอยู่ห่างออกไปและยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ในอดีตอาณาบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ต่อมาพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียรเพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม โดยก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขารท่านได้เล็งเห็นการณ์ไกลที่จะช่วยเหลือชาวบ้านแถวนี้ให้มีรายได้อย่างยั่งยืนและถาวรเป็นการตอบแทนบุญคุณญาติโยมที่มีอุปการะ จึงได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอก เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมธรรมชาติและได้ศึกษาพุทธศาสนาไปในขณะเดียวกัน

             จุดเด่นของวัดเจติยาศรีวิหารหรือวัดภูทอก คือ ทางขึ้นแบบบันไดวน 360 องศา ซึ่งทางเดินขึ้นทั้ง 7 ชั้นนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยไฮไลต์จะอยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นสะพานไม้ทางเดินรอบเขา และเป็นชั้นที่สามารถชมทัศนียภาพได้สวยงามที่สุด กล่าวกันว่าบันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนั้นเปรียบเสมือนเส้นทางแห่งธรรมที่ทำให้พ้นโลกแห่งโลกียะ สู่โลกแห่ง โลกุตระ หรือโลกแห่งการหลุดพ้นเนื่องจากต้องใช้ความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นในการขึ้นไป แต่ละชั้นของวัดภูทอกมีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้

             ชั้นที่ 1 เป็นบริเวณทางเข้าที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับต้นไม้ใบหญ้าหลากชนิด

             ชั้นที่ 2 เป็นทางเดินทอดรับจากชั้นที่ 1 ชั้นที่หนึ่งและสองมีทัศนียภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก

             ชั้นที่ 3 สภาพเป็นป่าเขามืดครึ้ม มีโขดหินลานหิน โดยสุดทางชั้นที่ 3 มีทางแยกสองทาง ทางซ้ายมือเป็นทางลัดผ่านชั้น 4 ไปสู่ชั้นที่ 5 ได้เลย ซึ่งเป็นทางค่อนข้างชัน

             ชั้นที่ 4 มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่หลายองค์ รอบชั้นมีระยะทางประมาณ 400 เมตร

             ชั้นที่ 5 เป็นชั้นที่มีรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ดังที่คนให้ความเคารพศรัทธาประดิษฐานเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก มีศาลากลางและกุฏิที่อาศัยของพระ และยังเป็นที่เก็บศพของพระอาจารย์จวนไว้ด้วย เมื่อมาถึงชั้นที่ 5 แล้ว ต้องมาที่สะพานหิน สะพานไม้ และข้ามมาที่พุทธวิหารให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงภูทอก

             ชั้นที่ 6 เป็นชั้นที่สวยที่สุดและเป็นชั้นสุดท้ายของบันไดไม้เวียนรอบเขา มีความยาว 400 เมตร เป็นชั้นที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอกได้ดีที่สุดและสวยที่สุด สิ่งศักดิ์สิทธิ์และน่าชมที่สุดของชั้นนี้คือ ปากทางเข้าเมืองพญานาคซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตคือมีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหิน  

             ชั้นที่ 7 มีลักษณะเป็นดาดฟ้าเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ จากชั้นที่หกขึ้นมาชั้นที่เจ็ดจะมีบันไดไม้พาดขึ้นมา เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่านมาแล้วจะเจอทางแยกสองทางเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้า


“ภูทอก” ในภาษาอีสาน แปลว่า ภูเขาโดดเดี่ยว


ลักษณะทางเดินชั้นที่ 1 – ชั้นที่ 3


ลักษณะทางเดินบางส่วนที่ชั้น 4


พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ประดิษฐานอยู่ชั้น 4


รูปหล่อพระเกจิอาจารย์องค์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนบริเวณชั้น 5


พุทธวิหารซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ด้วย จากชั้นที่ 5 มีสะพานหินและสะพานให้เดินเชื่อมไปได้


บันไดไม้เวียนรอบเขาบริเวณชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นที่ว่ากันว่าสวยที่สุด


การเดินทางไปจังหวัดบึงกาฬ

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ มีระยะทาง 760 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 20 นาที

             ทั้งนี้ ไม่มีเที่ยวบินบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดบึงกาฬ แต่สามารถใช้เส้นทางบิน กรุงเทพฯ-อุดรธานี ซึ่งเป็นสนามบินจังหวัดใกล้เคียง จากนั้นเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปจังหวัดบึงกาฬอีกประมาณ 190 กิโลเมตร

             สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยมีขบวนรถไฟออกจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สถานีจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นจังหวัดใกล้เคียงเช่นกัน การเดินทางโดยรถไฟใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที - 9 ชั่วโมง 30 นาที


การเดินทางไปวัดเจติยาคีรีวิหาร
(วัดภูทอก)

             วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬโดยอยู่ห่างจากตัวจังหวัดบึงกาฬประมาณ 47 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ 50 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

             เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8.30 – 17.00 น.


อัตราค่าเข้าชม

             ไม่เสียค่าเข้าชม


เจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ผู้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอก


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยววัดเจติยาคีรีวิหาร
(วัดภูทอก)

             เดินขึ้นไปชมชั้นต่างๆ ของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ให้ครบทั้ง 7 ชั้น โดยเฉพาะพุทธวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ชั้น 5 ที่กล่าวกันว่าไม่เช่นนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงภูทอก และเยี่ยมชมชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นที่สามารถชมทัศนียภาพรอบๆ ภูทอกได้ดีที่สุดและสวยที่สุด เป็นชั้นสุดท้ายของบันไดเวียนรอบเขา และเป็นชั้นที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์น่าชมที่เชื่อกันว่าเป็นปากทางเข้าเมืองพญานาค ซึ่งอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตคือมีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหิน


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

             สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

             การเที่ยวชมพูทอกอย่างทั่วถึงทุกชั้นนั้นควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                         วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย

                         (Wat Chetiya Khiri Wihan (Wat Phu Thok), Bueng Kan, Thailand)

                         ระดับความนิยม : 

                         อัตราค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

                         เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8.30 – 17.00 น.

                         ตั้งอยู่ที่ : ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ

                         โทรศัพท์ : (+66) 087 505 3448

                         เว็บไซต์ : -  

                         ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                        เว็บไซต์จังหวัดบึงกาฬ http://www.buengkan.go.th

                                        สำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยว จังหวัดบึงกาฬ https://bungkan.mots.go.th

                                        ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 
 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ