พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ ประเทศไทย

  • อ่าน (4,970)
  • ByWebmaster
  • 16:47:05 | 14 ธ.ค. 2563

พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ ประเทศไทย

Sirindhorn Museum, Kalasin, Thailand 

             พิพิธภัณฑ์สิรินธร (Sirindhorn Museum) เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย ที่อนุรักษ์เก็บรวบรวมตัวอย่างซากไดโนเสาร์ รวมถึงสัตว์ชนิดต่างๆ ในสมัยนั้นและจัดแสดงไว้ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยเดินทางมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งนี้กว่าสองแสนถึงสามแสนคน เรียกว่าใครมาเที่ยวกาฬสินธุ์ก็ต้องมาที่นี่ พร้อมความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน


ประวัติ

             พิพิธภัณฑ์สิรินธร เดิมเป็นศูนย์วิจัยไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว ในปี พ.ศ.2537 พบโครงกระดูกของไดโนเสาร์กินพืช ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ในบริเวณที่เป็นหลุมขุดค้นปัจจุบัน โดยพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2537 เป็นต้นมา คณะสำรวจไดโนเสาร์จากกรมทรัพยากรธรณีจึงได้เริ่มทำการขุดค้นอย่างเป็นระบบ และพบว่า ภูกุ้มข้าว เป็นแหล่งที่พบโครงกระดูกไดโนเสาร์กินพืชที่มีความสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย มีการพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ขนาดต่างๆ เป็นกระดูกชนิดกินพืชมากกว่า 7 ตัว จำนวนกระดูกมากกว่า 700 ชิ้น ที่สำคัญคือ พบชิ้นส่วนของหัวกระโหลก ฟันและกราม และโครงกระดูกที่เรียงรายต่อกัน เกือบจะสมบูรณ์ทั้งตัวอยู่ด้วย โครงกระดูกทั้งหมดอยู่ในชั้นหินที่วางตัวอยู่บนไหล่เขาของภูกุ้มข้าวซึ่งมีรูปร่างคล้ายลอมฟาง มีความสูงประมาณ 240 เมตร

             เมื่อปี พ.ศ.2538 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาทอดพระเนตรซากกระดูกไดโนเสาร์ ทรงจัดตั้งโครงการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าวขึ้น โดยให้มีการสร้างอาคารหลุมขุดค้นชั่วคราวเพื่อใช้ป้องกันซากโครงกระดูก ในปี พ.ศ.2539 กรมทรัพยากรธรณีได้สร้างอาคารวิจัยขึ้น โดยมีพื้นที่ใช้งานจำนวน 375 ตารางเมตร เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำการอนุรักษ์ ศึกษาวิจัย และเก็บรวมรวมซากดึกดำบรรพ์ที่สำรวจพบในประเทศไทย

             ในปี พ.ศ.2550 ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว หรือ พิพิธภัณฑ์สิรินธร ถือเป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์และพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย โดยได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีว่า “พิพิธภัณฑ์สิรินธร”

             พิพิธภัณฑ์สิรินธรมีอาคารจัดแสดงนิทรรศการ จำนวน 2 อาคาร อาคารแรกจัดแสดง 2 ส่วน คือ นิทรรศการถาวรและนิทรรศการชั่วคราว เริ่มจากชั้นที่ 2 ใช้โถงพิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์ บริเวณโถงมีการจัดแสดงหุ่นจำลองไดโนเสาร์สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส และข้อมูลเกี่ยวกับธรณีวิทยาของประเทศไทย ภายในนิทรรศการถาวรแบ่งพื้นที่ออกเป็น 8 โซน ดังนี้


โซนที่ 1 จักรวาลและโลก

             จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับจักรวาล โลก สิ่งมีชีวิต รวมทั้งไดโนเสาร์ซึ่งถือกำเนิดมานานแล้ว


โซนที่ 2 เมื่อชีวิตแรกปรากฏ

             จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อราว 3,400 ล้านปีก่อน เป็นช่วงที่ดาวเคราะห์ร้อนจัดและปั่นป่วน เนื่องจากภูเขาไฟระเบิดและการพุ่งชนของอุกกาบาต โลกค่อยๆ เย็นตัวลง ทั้งบรรยากาศและน้ำช่วยนำทางไปสู่พัฒนาการของสิ่งมีชีวิต


โซนที่ 3 พาลีโอโซอิก
 

             มหายุคแห่งวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับมหายุคพาลีโอโซอิกซึ่งมีระยะเวลา 542 ล้านปีที่แล้ว โดยแบ่งออกเป็นยุคต่างๆ มีการจำลองของสภาพภูมิประเทศที่เคยเกิดขึ้นในยุคนั้น พร้อมทั้งหุ่นจำลองของสัตว์ดึกดำบรรพ์ในยุคต่างๆ


โซนที่ 4 มหายุคมีโซโซอิค

             จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับมหายุคมีโซโซอิคซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 251 - 65 ล้านปีก่อน


โซนที่ 5 วิถีชีวิตไดโนเสาร์

             จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์โดยเฉพาะ เช่น ลักษณะของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ การกินอาหาร การล่าเหยื่อ การป้องกันตัว การเลี้ยงลูกอ่อน และการสูญพันธุ์


โซนที่ 6 คืนชีวิตให้ไดโนเสาร์

             จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับนักบรรพชีวินวิทยาซึ่งทำงานศึกษาอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ทั่วโลก โดยมีการเล่าเรื่องราวผ่านจอวิดีทัศน์แสดงเหตุการณ์จำลอง


โซนที่ 7 ซีโนโซอิก

             มหายุคแห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จัดแสดงวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แบ่งออกเป็น 7 สมัย คือ สมัยพาลีโอซีน สมัยอีโอซีน สมัยโอลิโกซีน สมัยไมโอซีน สมัยไพลโอซีน สมัยไพลสโตซีน และสมัยโฮโลซีน


โซนที่ 8 เรื่องของมนุษย์

             จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ และการสร้างอารยะธรรมของมนุษย์ผ่านวัตถุจัดแสดงต่างๆ เช่น โครงกระดูกจำลองของมนุษย์โบราณ ภาพวาด ภาพถ่าย แผนผัง และวิดีทัศน์


             
บริเวณด้านนอกอาคารพิพิธภัณฑ์มีส่วนที่แสดงให้เห็นถึงการจำลองการขุดพบซากไดโนเสาร์ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินอยู่บนพื้นที่ด้านบน แล้วมองลงไปเห็นซากไดโนเสาร์เบื้องล่างได้อย่างเพลิดเพลิน มีการจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์และโครงกระดูกของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีหินอัคนี และหินต่างๆ ที่ถูกขุดพบจัดแสดงไว้ในตู้ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ด้วย

             หนึ่งในส่วนที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวคือห้องเก็บชิ้นส่วนที่จัดเก็บอยู่ในห้องควบคุมอุณหภูมิ จัดวางเรียงรายเต็มพื้นที่ ราวกับอยู่ในหนังวิทยาศาสตร์ ซึ่งนอกจากโซนต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์แล้ว บริเวณรอบๆ อาคารยังมีสวนที่จัดแสดงหุ่นจำลองไดโนเสาร์หลากหลายชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมและถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน


ป้ายอุทยานโลกไดโนเสาร์โดดเด่นอยู่บนภูกุ้มข้าว


การเดินทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์

             - รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดกาฬสินธุ์ มีระยะทาง 520กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง 20 นาที    

             จังหวัดกาฬสินธุ์ไม่มีเส้นทางรถไฟตัดผ่าน และยังไม่มีสนามบิน สำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถไฟและเครื่องบินนิยมนั่งไปลงที่จังหวัดใกล้เคียงคือ จังหวัดร้อยเอ็ด แล้วเดินทางโดยรถยนต์หรือรถโดยสารประจำทางต่อมาที่จังหวัดกาฬสินธุ์


การเดินทางไปพิพิธภัณฑ์สิรินธร

             พิพิธภัณฑ์สิรินธร ตั้งอยู่ที่ ภูกุ้มข้าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดกาฬสินธุ์ไปทางทิศเหนือระยะทางประมาณ 34 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 40 นาที ไม่มีรถสองแถวที่วิ่งไปถึง ต้องเดินทางโดยรถส่วนตัว หรือเหมารถให้ไปส่งเท่านั้น


เวลาทำการเปิด
– ปิด

             เปิดให้บริการวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 9.30 น. - 16.30 น.

             ปิดทุกวันจันทร์


บริเวณประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์สิรินธร


อัตราค่าเข้าชม

             ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก(อายุเกิน 12 ปีขึ้นไป) 10 บาท

             ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก(อายุเกิน 12 ปีขึ้นไป) 50 บาท

สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สิรินธร

             ชมโซนต่างๆ ที่น่าสนใจทั้ง 8 โซนภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ เพลิดเพลินกับส่วนจัดแสดงจำลองการขุดพบซากไดโนเสาร์ที่อยู่บริเวณด้านนอก และถ่ายภาพกับรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดยักษ์หลากหลายชนิดที่ยืนตระหง่านอยู่รอบๆ บริเวณพิพิธภัณฑ์สิรินธร
 

เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

            สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี


             
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์สิรินธร สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                        พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ ประเทศไทย

                        (Sirindhorn Museum, Kalasin, Thailand)

                        ระดับความนิยม : 

                        อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก(อายุเกิน 12 ปีขึ้นไป) 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก(อายุเกิน 12 ปีขึ้นไป) 50 บาท

                        เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 9.30 น. - 16.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์)

                        ตั้งอยู่ที่ : 200 หมู่ที่ 11 ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

                        โทรศัพท์ : (+66) 0 4387 1014, 0 4387 1393-4

                        เว็บไซต์ : https://www.museumthailand.com/th/museum/Sirindhorn-Museum

                        ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                         ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์ https://kalasin.mots.go.th/

                                         ศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยโสธร ประเทศไทย

จังหวัดยโสธรเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี จังหวัดยโสธรมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมหลายแห่ง เพราะเป็นเมืองที่ผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยทวาราวดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวมสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดยโสธรมาฝากทุกท่านไว้ในบทความนี้

อ่านต่อ

วัดพระพุทธบาทยโสธร จังหวัดยโสธร ประเทศไทย

วัดพระพุทธบาทยโสธร (Wat Phra Buddhabat Yasothon) เป็นวัดที่มีความสวยงามจากหมู่อาคารสีขาวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิยมมาเที่ยวชมวัดและสักการะโบราณวัตถุทางพุทธศาสนาอันได้แก่ รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปปางนาคปรก และศิลาจารึกโบราณที่มีอายุราวห้าร้อยปี รวมทั้งพระพุทธรูปหยกขาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ และพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์ของวัดอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวัดดังของจังหวัดยโสธรที่ควรค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

จังหวัดศรีสะเกษเป็นจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นจุดชมวิวอันน่าประทับใจ ไปจนถึงแหล่งโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และวัดวาอารามที่สร้างขึ้นอย่างงดงามให้เที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla ได้รวบรวม 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดศรีเกษมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

ผามออีแดง (Pha Mor E Daeng) เป็นหน้าผาที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทเขาพระวิหาร ป่าไม้ และบ้านเมืองของกัมพูชาที่อยู่ไกลออกไปได้ ในยามเช้าของช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม ส่วนในยามพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นฝูงค้างคาวบินออกมาจากถ้ำเพื่อหากิน นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของผามออีแดงคือภาพจิตรกรรมโบราณที่ถูกสลักไว้ริมหน้าผาซึ่งมีความเก่าแก่กว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีทีเดียว ถือเป็น Unseen Thailand ที่คุ้มค่าต่อการมาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง

อ่านต่อ

น้ำตกสำโรงเกียรติ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

น้ำตกสำโรงเกียรติ (Samrong Kiat Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด น้ำตกแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่บริเวณด้านบนหน้าผาจะมีแอ่งลานหินขนาดใหญ่รองรับธารน้ำเอาไว้ก่อนที่จะไหลตกลงมาตามชั้นหน้าผา น้ำตกสำโรงเกียรติมีน้ำไหลตลอดปี และจะมีน้ำมากที่สุดในช่วงฤดูฝน บรรยากาศโดยรอบมีความร่มรื่นจากป่าไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับการมาเล่นน้ำ นั่งพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายภาพสวยๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ

เกาะกลางน้ำ จังหวัดศรีสะเกษ ประเทศไทย

เกาะกลางน้ำ (Koh Klang Nam) เป็นเกาะที่อยู่ใจกลางอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำในอำเภอเมืองศรีสะเกษ บนเกาะแห่งนี้เป็นสวนสาธาณะขนาดใหญ่และเป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญหลายแห่ง เช่น หอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติที่เป็นหอชมเมืองศรีสะเกษได้รอบทิศ และศรีสะเกษอควาเรียมซึ่งเป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่จึงเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดศรีสะเกษอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดบุไผ่ (วัดบ้านไร่ 2) Wat Bu Pai (Wat Ban Rai 2) เป็นวัดที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม พระเกจิดังวัดบ้านไร่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

อ่านต่อ

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วัดแสงธรรมวังเขาเขียว (Wat Saeng Tham Wang Khao Khiao) เป็นที่ตั้งของพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล พระมหาเจดีย์รูปทรงดอกบัวสีขาวตั้งตระหง่านสง่างามอยู่กลางคูน้ำ ท่ามกลางสวนหย่อมสีเขียวขนาดใหญ่และแวดล้อมด้วยหุบเขาสีเขียวขจีของอำเภอวังน้ำเขียว

อ่านต่อ

ผาเก็บตะวัน จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

ผาเก็บตะวัน (Pha Kep Tawan) หนึ่งในที่เที่ยววังน้ำเขียวที่เป็นจุดชมวิวที่มีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เหมาะแก่การแวะมาชมวิวผ่อนคลาย หรือหากต้องการกางเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

อ่านต่อ

วัดป่าโนนสวรรค์ จังหวัดร้อยเอ็ด ประเทศไทย

วัดป่าโนนสวรรค์ (Wat Pa Non Sawan) เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดร้อยเอ็ด ภายในวัดมีความน่าตื่นตาตื่นใจของประติมากรรมปูนปั้นมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระธรรมคำสอน รวมถึงวรรณคดีไทยชื่อดังต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชม และภายในวัดยังโดดเด่นด้วยองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างงดงาม รวมถึงศิลปะการตกแต่งที่ใช้หม้อดินมาประดับในส่วนต่างๆ โดยรอบจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัดแห่งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ควรพลาดชม

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ