- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พิพิธภัณฑ์ราเมง จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
พิพิธภัณฑ์ราเมง จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น

- อ่าน (2,744)
- By Webmaster
- 09:31:16 | 21 ก.ย. 2562
พิพิธภัณฑ์ราเมง จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
Yokohama Ramen Museum, Kanagawa, Japan
ทางเข้าด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ราเมง
พิพิธภัณฑ์ราเมง (Yokohama Ramen Museum) พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอย่าง ราเมง (Remen) เอาไว้แบบอัดแน่นทั้งเนื้อหาและความอร่อย เพราะภายในมีทั้งโซนที่จัดแสดงประวัติศาสตร์น่าสนใจของราเมง โซนที่มีการจำลองหมู่บ้านญี่ปุ่นในสมัยโบราณที่เป็นต้นตำรับของร้านราเมงสมัยอดีต พร้อมนำร้านราเมงเจ้าดังจากทั่วประเทศญี่ปุ่นหมุนเวียนมาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เลือกกินกันตลอดทั้งปี
แผนที่ตั้ง พิพิธภัณฑ์ราเมง จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
ประวัติ
บรรดาร้านราเมงที่อยู่ภายในชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ราเมง
พิพิธภัณฑ์ราเมง (Yokohama Ramen Museum) ราเมง (Remen) ถือเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมที่สุดชนิดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่มีการคิดค้นอาหารประเภทนี้ขึ้นมา ทำให้ด้วยความเป็นต้นตำรับขนาดนี้จึงเกิดเป็นพิพิธภัณฑ์ราเมงชื่อดังประจำเมืองท่าโยโกฮาม่า ของจังหวัดคานากาวะ และถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารโดยเฉพาะแห่งแรกๆ ของประเทศญี่ปุ่น เพราะก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994
ส่วนนำเสนอเกร็ดความรู้น่าสนใจต่างๆ เกี่ยวกับราเมงของพิพิธภัณฑ์
ภายในมีทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งออกเป็นสองโซนหลัก เริ่มจากชั้นที่ 1 จะเป็นพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ต่างๆ ที่น่าสนใจของราเมง ไม่ว่าจะเป็นจุดกำเนิด ผู้ที่คิดค้นการทำเส้นราเมง ฯลฯ พร้อมมีการจัดแสดงคอลเลกชั่นถ้วยราเมงไปจนถึงวัตถุดิบอุปกรณ์ต่างๆ เช่นเส้นราเมง ถ้วยราเมง ช้อนทานราเมง รวมถึงพื้นที่ที่เปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกต่างๆ เกี่ยวกับราเมง และยังมีเวิร์กชอปที่ให้นักท่องเที่ยวได้ลองทำราเมงที่สามารถดีไซน์ตัวถ้วยพร้อมปรุงแต่งรสชาติตามที่เราต้องการได้ด้วย
พื้นที่ส่วนกลางที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินถือราเมงมานั่งกินที่โต๊ะได้
ราเมงที่ขายอยู่ภายในย่านร้านราเมงของพิพิธภัณฑ์
ต่อมาก็ถึงเสน่ห์หลักที่ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นตลอดเวลา คือย่านราเมงที่กินพื้นที่ชั้นใต้ดินทั้งสองชั้น (B1/B2) ของตัวพิพิธภัณฑ์ โดยจะเป็นโซนที่สถาปัตยกรรมทุกอย่างภายในไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ดวงไฟ พื้นทางเดิน โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ ถูกดีไซน์ให้อยู่ในบรรยากาศของเมืองชิตามาชิ (Shitamachi City) ช่วงปีค.ศ. 1958 ซึ่งเป็นยุคที่เป็นจุดกำเนิดของอาหารรสชาติกลมกล่อมอย่างราเมง โดยในตอนนั้นราเมงถือเป็นอาหารที่คนญี่ปุ่นกินกันเป็นจากหลักในแต่ละวัน และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้คือร้านราเมงประจำย่าน ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะมีการนำร้านราเมงชื่อดังจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ มาเปิดร้านขายกันภายในย่านตลอดทั้งปี พร้อมหมุดเวียนเปลี่ยนร้านไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับกระแส และความน่าสนใจของร้านราเมงที่ทางทีมงานของพิพิธภัณฑ์คัดสรรกันมา ทำให้ผลพลอยได้ไปตกอยู่ที่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม เพราะจะได้ลองกินราเมงอร่อยๆ จากร้านค้าที่มีรสชาติราเมงแตกต่างกันไปตามจุดขายของตัวเองท่ามกลางบรรยากาศเมืองเก่าของญี่ปุ่นที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และกลิ่นหอมของน้ำซุปราเมงที่โชยมาจากร้านต่างๆ ภายในย่านนั่นเอง
การเดินทางจากสนามบินฮาเนดะไปยังตัวเมือง
- รถบัส จากสนามบิน ให้เดินมาขึ้นรถบัสสาย Yokohama City Air Terminal (YCAT) ที่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสารค่าเข้าระหว่างประเทศได้เลย ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 29 นาที ก็จะถึง Yokohama Station
- รถไฟ จากสนามบิน ให้ไปขึ้นรถไฟสาย Keikyu Airport Line ที่สถานี Yokohama station ตัวสถานีจะตั้งอยู่บริเวณอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 24 นาที ก็จะถึง Yokohama Station
การเดินทางจากตัวเมืองไปยังพิพิธภัณฑ์ราเมงชินโยโกฮาม่า
- รถยนต์ จาก Yokohama Station ไปยัง พิพิธภัณฑ์ราเมง ระยะทางประมาณ 7 กิโมเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 22 นาที
- รถไฟ จาก Yokohama Station ให้ขึ้นรถไฟสาย Blue Line ที่สถานี Shin-Yokohama Station เพื่อไปลงที่สถานี Shin-Yokohama Ramen Museum Station ระทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ตัวสถานีจะอยู่บริเวณเดียวกับพิพิธภัณฑ์ราเมง
เวลาเปิด-ปิดทำการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 11:00 น. – 22:00 น.
โซนขายของที่ระลึกต่างๆ เกี่ยวกับราเมงของพิพิธภัณฑ์ราเมง
อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 310 เยน / เด็ก (6 - 11 ปี) 100 เยน / ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) 100 เยน
ศูนย์บริการข้อมูลต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์ราเมง
เวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
บรรยากาศภายในร้านราเมงของพิพิธภัณฑ์ราเมง
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์ราเมง สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พิพิธภัณฑ์ราเมง จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
(Yokohama Ramen Museum, Kanagawa, Japan)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 310 เยน / เด็ก (6 - 11 ปี) 100 เยน / ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) 100 เยน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 11:00 น. – 22:00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : จังหวัดคานากาว่า, ประเทศญี่ปุ่น
โทรศัพท์ : (+81) 45-471-0503
เว็ปไซต์ : http://www.raumen.co.jp/
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/
เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองโยโกฮาม่า https://www.yokohamajapan.com/
เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนญี่ปุ่น http://www.hyperdia.com/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

10 สถานที่สวย...มหัศจรรย์กำแพงหมื่นลี้
กำแพงเมืองจีน หรือที่มีชื่อในภาษาจีนว่า ว่านลี่ฉางเฉิน (萬里長城 - กำแพงหมื่นลี้) เป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างด้วยฝีมือของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ถูกจัดให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง และยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี ค.ศ. 1987
อ่านต่อ
7 พิกัด...ชมใบไม้เปลี่ยนสีรอบภูเขาไฟฟูจิ
เมื่อเข้าใกล้ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อีกหนึ่งฤดูยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวหลายๆคนไม่ควรพลาดที่จะเดินทางไปยังแดนอาทิตย์อุทัย เพื่อสัมผัสกับความงดงามของใบไม้ที่ต่างพากันผลัดเปลี่ยนสีสันอย่างสดใสสวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศอันสุดแสนจะอบอุ่น และโรแมนติก ซึ่งในปี 2023 นี้ก็ได้มีการคาดการณ์ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีตามพื้นที่ต่างๆของประเทศ ให้นักท่องเที่ยวได้แพลนการเดินทางไปชมได้อย่างถูกช่วงค่ะ
อ่านต่อ
10 อันดับตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก
นอกเหนือจากองค์ความรู้ และความสามารถของบุคลากรภายในประเทศ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สามารถชี้วัดศักยภาพทางด้านเทคโนโลยี และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจได้แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งชี้สถานะทางการเงินของประเทศได้ นั่นก็คือ โครงสร้างของอาคารที่ยิ่งใหญ่ สูงเสียดฟ้า สวยงามตระการตา และทันสมัย ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งสถานปฏิบัติการ สถาบันการเงิน ที่พักอาศัย ตลอดจนเป็นจุดชมวิวสำคัญของเมืองในประเทศนั้นๆ วันนี้ Palanla จะพาไปชมตึกระฟ้าที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกกันค่ะ
อ่านต่อ
10 ศาสนสถานแห่งศรัทธา...ที่ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก
ศาสนสถานที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นศาสนสถานที่มีความงดงามวิจิตรเป็นอันดับต้นๆของโลก มีทั้งที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ และทั้งที่เกิดจากการรังสรรค์ของธรรมชาติ ซึ่งล้วนเป็นผลงานที่แสดงออกมาได้อย่างน่าทึ่งเลยละค่ะ และไม่เพียงแต่ความงดงามที่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่กลับสะท้อนถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนพื้นเมือง และความศรัทธาของผู้คนออกมาได้เป็นอย่างดี จากองค์ประกอบทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้น ถูกผสมผสานกันออกมาอย่างมีเสน่ห์และลงตัว จนได้รับการขนานนามว่าเป็น ศาสนสถานที่สวยงามที่สุดโลก และควรค่าแก่การไปเยือนเป็นอย่างยิ่งค่ะ
อ่านต่อ
พิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์ เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
พิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมือง ภายในแสดงโบราณวัตถุในสมัยก่อนประวัติศาสตร์และเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับนครไซง่อนในอดีต
อ่านต่อ
ถนนหนังสือในนครโฮจิมินห์ เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
ถนนหนังสือในนครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Book Street) ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้กับคนรักหนังสือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาเยือน และนอกจากดื่มด่ำไปกับโลกแห่งหนังสือแล้ว ยังสามารถจิบเครื่องดื่มในบรรยากาศสงบๆ ได้อีกด้วย
อ่านต่อ
ถนนคนเดินบุยเวียน เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
ถนนคนเดินบุยเวียน (Bui Vien Walking Street) หรือมีอีกชื่อว่า “ย่านแบ็คแพ็คไซ่ง่อน ฟามงูเหลา” (Pham Ngu Lao) เป็น "ถนนยุโรป" ที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงที่สุดในเวียดนาม เป็นสถานที่ที่ต้องแวะเยี่ยมชมเมื่อมาเยือนเมืองไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์
อ่านต่อ
โรงละครโอเปร่า โฮจิมินห์ เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
โรงละครโอเปร่า โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City Opera House) สถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมฝรั่งเศสในเวียดนาม ที่มีอายุกว่า 300 ปี ในอดีตเคยมีบทบาทเป็นสำนักงานใหญ่ของสภาแห่งชาติเวียดนามใต้ ปัจจุบันยังคงทำหน้าที่เป็นโรงละครและสถานที่จัดแสดงงานต่างๆ
อ่านต่อ
โบสถ์ทันดินห์ เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
โบสถ์ทันดินห์ (Tan Dinh Church) โบสถ์สีชมพูอ่อนหวาน ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมันโดยมีส่วนผสมของศิลปะโกธิกและเรอเนซองส์เป็นหลัก และยังเป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของนครโฮจิมินห์
อ่านต่อ
เจดีย์บู้ล่อง เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
เจดีย์บู้ล่อง (Buu Long Pagoda) ในเมืองโฮจิมินห์เป็นเจดีย์ที่สวยที่สุดในเวียดนาม โดยมีองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมจากไทย พม่า อินเดีย และเวียดนามเอง เจดีย์ชนิดนี้มีเอกลักษณ์และไม่ค่อยพบในเวียดนาม คนท้องถิ่นตั้งชื่อเรียกให้ที่นี่ว่า “วัดไทย”
อ่านต่อ