- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ศาลเจ้าเมจิ จังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ศาลเจ้าเมจิ จังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
- อ่าน (1,723)
- By
- 15:56:08 | 9 มี.ค. 2566
ศาลเจ้าเมจิ จังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
Meiji Jingu (Meiji Shrine), Tokyo, Japan
โทริอิไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งตระหง่านอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้าเมจิ
ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรมากที่สุดในช่วงวันปีใหม่ ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักพรรดินีโชเก็ง ตั้งอยู่ในเขตชิบูย่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ประวัติความเป็นมา
ภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระจักพรรดิเมจิ ในปี ค.ศ. 1912 เนื่องจากบทบาทอันสำคัญของพระองค์ในการปฏิรูปเมจิ ซึ่งเป็นการปฏิรูปที่เปลี่ยนโฉมหน้าประเทศญี่ปุ่นครั้งใหญ่ และการเป็นที่เคารพเทิดทูนของชาวญี่ปุ่นทุกคนอย่างสูง ในปีนั้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติของญี่ปุ่นจึงได้ผ่านวาระในสภาเพื่อดำเนินการสร้างอนุสรณ์สถานแด่สมเด็จพระจักพรรดิ โดยเลือกสถานที่ตั้งจากสวนแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของดอกไอริส ซึ่งทั้งสมเด็จพระจักพรรดิและสมเด็จพระจักพรรดินีได้เสด็จไปเยี่ยมชมบ่อยครั้ง
อาคารต่างๆของศาลเจ้าถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่โดยรอบ
การก่อสร้างศาลเจ้าเมจิเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1915 และสิ้นสุดในปี ค.ศ. 1920 โดยชาวญี่ปุ่นได้ร่วมบริจาคต้นไม้กว่าหนึ่งแสนต้นเพื่อนำมาปลูกภายในบริเวณศาลเจ้า จนทำให้มีความร่มรื่นไม่ต่างอะไรกับป่าไม้ทั้งที่อยู่ใจกลางเมืองใหญ่ ทั้งนี้ ศาลเจ้าเมจิเคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1958
ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นต่างก็เดินทางมาสักการะศาลเจ้าเมจิตลอดทั้งวัน
ความพิเศษของศาลเจ้าเมจิ คือพื้นที่โดยรอบที่มีขนาดใหญ่ถึง 700,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยพรรณไม้กว่า 365 ชนิด และมีจำนวนต้นไม้ทั้งหมดกว่าหนึ่งแสนต้น ให้บรรยากาศร่มรื่นและสงบแม้ว่าจะตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของกรุงโตเกียจนได้รับการขนานนามว่าเป็นป่าในเมือง นอกจากนี้ศาลเจ้าเมจิยังเป็นที่นิยมในการจัดงานแต่งงานตามแบบฉบับญี่ปุ่นโบราณอีกด้วย
บรรยากาศภายในศาลเจ้าเมจิ สงบและร่มรื่นด้วยจำนวนต้นไม้กว่าแสนต้น
บรรยากาศภายในศาลเจ้าเมจิ
การเดินทางไปยังศาลเจ้าเมจิ
- รถไฟ เนื่องจากศาลเจ้าเมจิมีบริเวณกว้างขวาง ทำให้มีทางเข้าจากหลายทาง แต่ทางเข้าหลักซึ่งมีมีประตูโทริอิไม้ขนาดใหญ่นั้นอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Harajuku สำหรับรถไฟสาย Yamanote และสถานี Meiji-jingumae สำหรับรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda(สีเขียว) และ Fukutoshin(สีน้ำตาล) โดยใช้เวลาเดินจากทั้ง 2 สถานีประมาณ 2-4 นาที นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางโดยรถไฟอย่างละเอียดได้ที่ http://www.hyperdia.com/en/
- รถแท็กซี่ รถแท็กซี่ในกรุงโตเกียวนั้นมีค่ามิเตอร์เริ่มต้นที่ 410-800 เยน ต่อระยะทาง 2 กิโลเมตรแรก ค่าโดยสารทั้งหมดขึ้นอยู่กับระยะทางจากจุดขึ้นรถของนักท่องเที่ยว โดยสามารถคำนวณค่าโดยสารเบื้องต้นได้ที่ https://www.numbeo.com/taxi-fare/in/Tokyo
เวลาในการเปิด-ปิดทำการ
บริเวณศาลเจ้า ไม่มีกำหนดเวลาเปิดปิดที่แน่นอน แต่ยึดหลักตามเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก
บริเวณสวนภายในศาลเจ้า เปิดทำการตั้งแต่ 09.00 – 16.30 น.
ทั้งสองสถานที่เปิดทำการทุกวัน ไม่มีวันหยุด
ในวันเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้พบกับการจัดพิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่นภายในศาลเจ้าอีกด้วย
การซื้อบัตรเข้าชม
บริเวณศาลเจ้า ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
บริเวณสวนภายในศาลเจ้า มีค่าเข้าชม 500 เยน
น้ำศักดิ์สิทธิ์
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ศาลเจ้าเมจิได้รับการดูแลรักษาความสวยงามและความร่มรื่นภายในอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวจึงสามารถแวะไปเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ หากนักท่องเที่ยวต้องการไปชมดอกไอริส ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระจักพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักพรรดินีโชเก็ง ดอกไอริสจะผลิบานในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยจะปลูกเอาไว้ในสวนของศาลเจ้า (มีการเก็บค่าเข้าสวนเพิ่มเติม)
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถตรวจสอบพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวได้ที่ https://www.accuweather.com/
ความสวยงามของพรรณไม้ในศาลเจ้าเมจิยามใบไม้เปลี่ยนสี
ข้อมูลทั่วไปที่ควรรู้
เนื่องจากระยะทางระหว่างประตูทางเข้ากับตัวศาลเจ้าอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก โดยต้องใช้เวลาเดินเข้าไปประมาณ 10 นาที และพื้นทางเดินมีลักษณะเป็นก้อนกรวด นักท่องเที่ยวจึงควรสวมใส่รองเท้าที่เดินได้อย่างสบาย หลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าส้นสูง และหากนักท่องเที่ยวเหนื่อยล้าจากการเที่ยวชมสถานที่อื่นมาก่อน ควรนั่งพักเอาแรงบริเวณสถานี Harajuku ก่อนจะเดินเข้าไปสู่ศาลเจ้าเมจิ
ทางเดินจากบริเวณหน้าศาลเจ้าเข้าไปยังอาคารภายใน มีระยะทางค่อนข้างไกล นักท่องเที่ยวจึงควรสวมใส่รองเท้าที่เดินได้สบาย
เนื่องจากศาลเจ้าเมจิได้รับความนิยมในการจัดงานแต่งงานตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างสูง ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์นักท่องเที่ยวจึงมักจะได้พบกับพิธีแต่งงานของคู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่น ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจึงควรระมัดระวังการถ่ายรูปพิธี รวมถึงระมัดระวังการเข้าไปขัดขวางพิธีการโดยไม่ได้ตั้งใจ
ป้ายขอพรจำนวนมากถูกแขวนเรียงรายอยู่ใกล้กับอาคารศาลเจ้า
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว ศาลเจ้าเมจิ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ศาลเจ้าเมจิ จังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
(Meiji Jingu (Meiji Shrine), Tokyo, Japan)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : บริเวณศาลเจ้า ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
บริเวณสวนภายในศาลเจ้า – มีค่าเข้าชม 500 เยน
เวลาเปิด - ปิด : ตามพระอาทิตย์ขึ้นและตก บริเวณสวนภายในศาลเจ้า – เปิดทำการตั้งแต่ 09.00 – 16.30 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี, ช่วงเวลาที่ดอกไอริสผลิบานคือเดือนมิถุนายน
สถานที่ตั้ง : เขตชิบูย่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โทรศัพท์ : (+81) 3-3379-5511
เว็บไซต์ : http://www.meijijingu.or.jp/english/index.html
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวโตเกียว https://www.gotokyo.org/en/
เว็บไซต์ศูนย์รวมจุดบริการนักท่องเที่ยวในโตเกียว http://www.tourist-information-center.jp/tokyo/en/
เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น
สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
อ่านต่อพระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น
พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ
อ่านต่อตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น
ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด
อ่านต่อรูปปั้นโมอาย ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
รูปปั้นโมอาย (Moai) เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร
อ่านต่อตลาดปลานิโจ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market) เป็นตลาดปลาขนาดใหญ่ในเมืองซัปโปโรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี ตลาดแห่งนี้โด่งดังจากอาหารทะเลสดใหม่หลากหลายชนิด ร้านอาหาร และบรรยากาศที่คึกคัก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวซัปโปโรจะต้องไม่พลาด
อ่านต่อชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ (Chitose Outlet Mall Rera) หนึ่งในเอาท์เล็ตมอลล์ขนาดใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบิน New Chitose Airport เพียง 10 นาที
อ่านต่อคลองโอตารุ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
คลองโอตารุ (Otaru Canal) เคยเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของฮอกไกโดในอดีต ปัจจุบันยังคงมีอาคารเก่าแก่เรียงรายริมคลอง สะท้อนภาพวิถีชีวิตในอดีตให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส
อ่านต่อเนินแห่งพระพุทธเจ้า ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha) สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของซัปโปโร โดดเด่นด้วยเศียรของพระรูปที่โผล่พ้นเนินเขาขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับรูปปั้นหินโมอาย (Moai Statue) ฉายา “สโตนเฮนจ์แห่งฮอกไกโด”
อ่านต่ออามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค (Amanohashidate Park) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ภายในอามาโนะฮาชิดาเตะเรียงรายไปด้วยทิวของต้นสน ทางเดินทอดยาว มีสะพานอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ตลอดจนศาลเจ้าให้แวะสักการบูชา
อ่านต่อวัดซันจูซันเก็นโด จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusanjen-do Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเท็นได ที่ตั้งอยู่ในย่านฮิกาชิยามะ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตัววัดมีชื่อเสียงโดดเด่นด้วยองค์เจ้าแม่กวนอิมปางค์ประทานพร (Senju Kannon) จำนวน 1,001 องค์ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารไม้ยาว 120 เมตร ซึ่งถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น
อ่านต่อ