- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ปราสาทหิมะเมืองเคมิ ประเทศฟินแลนด์
ปราสาทหิมะเมืองเคมิ ประเทศฟินแลนด์
- อ่าน (4,552)
- By Webmaster
- 10:53:16 | 13 ส.ค. 2563
ปราสาทหิมะเมืองเคมิ ประเทศฟินแลนด์
Kemi Snow Castle, Kemi, Finland
ปราสาทหิมะเมืองเคมิ (Kemi Snow Castle) ได้ชื่อว่าเป็นปราสาทหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเมืองเคมิที่จะสร้างขึ้นมาเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น โดยแต่ละปีนั้นจะใช้เวลาในการสร้างมากกว่า 5 สัปดาห์ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวแลปแลนด์จึงไม่อาจพลาดไปได้ด้วยประการทั้งปวง
ประวัติ
ทุกๆ ฤดูหนาวปราสาทหิมะที่เมืองเคมิจะถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน โดยการสร้างปราสาทหิมะแต่ละครั้งนั้นจะใช้เวลาในการสร้างมากกว่า 5 สัปดาห์ ขั้นตอนในการสร้างคือใช้ Snow Machine แปลงน้ำจากทะเลให้กลายเป็นหิมะเพื่อนำมาทำเป็นโครงสร้างของปราสาท และเมื่อหมดฤดูกาลท่องเที่ยวปราสาทน้ำแข็งที่สวยงามของเคมิ ปราสาทน้ำแข็งที่สร้างด้วยความงดงามอลังการเหล่านี้ก็จะถูกปล่อยให้ค่อยๆ ละลายไปเองเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง
ปราสาทหิมะเมืองเคมิสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1996 การปรากฏตัวของปราสาทหิมะนี้ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาเที่ยวชมมากกว่า 300,000 คน โดยก่อนนี้เป็นเวลาหลายปีปราสาทหิมะจะถูกสร้างขึ้นที่บริเวณท่าเรือของเมืองเคมิ (Kemi City Harbour) และภายหลังจึงได้ย้ายมายังสถานที่ปัจจุบันคือบริเวณ Mansikkanokankatu 15 มานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 เป็นต้นมา
พื้นที่ที่ใช้สำหรับสร้างปราสาทหิมะเหล่านี้กว้างขนาด 1,300 – 20,000 ตารางเมตร โดยปราสาทที่สูงที่สุด มีความสูงถึง 20 เมตร ผนังที่ยาวที่สูดมีความยาวกว่า 1,000 เมตร และปราสาทก็มีความสูงถึง 3 ชั้น โดยปราสาทหิมะนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ โบสถ์ ภัตตาคาร และโรงแรม
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จแล้วนักท่องเที่ยวจะได้รับสติ๊กเกอร์สำหรับติดที่เสื้อ โดยระหว่างการเที่ยวชมภายในปราสาทหิมะนี้ก็จะมีไกด์ที่คอยแนะนำที่มาและเรื่องราวของการก่อสร้างปราสาทหิมะแห่งนี้ รวมถึงมีบริการเครื่องดื่มที่รวมอยู่ในค่าตั๋วเข้าชมให้บริการ เมื่อเข้ามาส่ภายในก็จะพบกับภัตตาคารน้ำแข็งเป็นอันดับแรกซึ่งสามารถเดินทะลุไปมากับห้องอื่นๆ ให้ถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลิน
ภัตตาคาร (Snow Restaurant) ทุกอย่างทำขึ้นจากการแกะสลักน้ำแข็ง ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ โดยเก้าอี้นั้นจะปูด้วยขนกวางเรนเดียร์อีกครั้ง เพื่อป้องกันความเย็นยะเยือกจากน้ำแข็ง ภายในภัตตาคารมีบริการอาหารสแกนดิเนเวียทั้งร้อนและเย็นด้วย ราคาขึ้นอยู่กับเมนูที่เลือก มื้อเที่ยง 26 ยูโร/ คน, มื้อค่ำ 51- 58 ยูโร / คน โดยค่าอาหารนี้ไม่ได้รวมอยู่ในค่าผ่านประตูเข้ามา
โบสถ์ (Snow Chapel) ซึ่งมีที่นั่งประมาณ 50 -100 ที่นั่ง เป็นสถานที่ที่นิยมใช้จัดงานแต่งของนักท่องเที่ยว อาทิ นักท่องเที่ยวที่มาจากญี่ปุ่น และฮ่องกง
โรงแรม (Snow Hotel) มีห้องพักให้บริการ 2 แบบ ได้แก่ ห้องพักแบบเตียงคู่ (Double Rooms) และห้องพักแบบเตียงฮันนีมูน สวีท (Honeymoon Suit) ซึ่งตกแต่งโดยศิลปินท้องถิ่น ตัวโรงแรมน้ำแข็ง ตั้งแต่ล้อบบี้ แก้วน้ำ เคาน์เตอร์ต้อนรับ โต๊ะ เตียง เก้าอี้ แชนเดอร์เลีย โคมไฟ ทุกอย่างล้วนทำด้วยน้ำแข็ง ห้องมีการออกแบบการโดยแกะสลักหิมะเป็นลวดลายที่แตกต่างกันไป โดยเตียงนอนที่แกะสลักจากน้ำแข็งนั้นจะปูด้วยขนกวางเรนเดียร์ และมีถุงนอน (Sleeping Bag) ให้อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ความอบอุ่นเพียงพอ ส่วนอุณหภูมิก็จะอยู่ที่ประมาณ -5 องศา เป็นอุณหภูมิที่สามารถควบคุมการละลายของน้ำแข็งได้ทว่าไม่หนาวจนเกินไปและยังปลอดภัยอยู่
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจคือการแกะสลักน้ำแข็งและหิมะสำหรับมือใหม่ เป็นคอร์สสั้นๆ 1 ชั่วโมง ราคา 49 ยูโร / คน ที่สอนโดยผู้ชำนาญการแกะสลักน้ำแข็งที่จะมาถ่ายทอดเทคนิคต่างๆและใช้เครื่องมือในการแกะสลักน้ำแข็งอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ กิจกรรมสอนแกะสลักน้ำแข็งนี้มีแค่บางวันเท่านั้น หากสนใจนักท่องเที่ยวควรตรวจสอบตารางเวลาโดยตรงอีกครั้งก่อนไป
ทั้งนี้แม้ว่าต้นกำเนิดของโรงแรมน้ำแข็งจะอยู่ที่สวีเดน ทว่าโรงแรมน้ำแข็งที่ฟินแลนด์กลับดูเหมือนจะมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากกว่า โดยในแต่ละปีในช่วงฤดูหนาวที่มีการเนรมิตปราสาทและโรงแรมน้ำแข็งแห่งนี้ขึ้นมานั้น จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมมากถึง 100,000 คน และมีนักท่องเที่ยวเข้าพักค้างคืนที่โรงแรมน้ำแข็ง (Snow Hotel) เป็นจำนวนกว่า 1,500 คน
การสร้างปราสาทหิมะแต่ละปีจะใช้เวลาในการสร้างมากกว่า 5 สัปดาห์
บริเวณที่จำหน่ายตั๋ว
ปราสาทหิมะเมืองเคมิสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1996
ที่นั่งในภัตตาคาร
ที่นั่งจะปูด้วยหนังกวางเรนเดียร์เพื่อความอบอุ่น
นอกจากน้ำแข็งแกะสลักแล้วยังงดงามด้วยไฟประดับตกแต่ง
บรรยากาศรอบๆ ส่วนที่เป็นภัตตาคาร
น้ำแข็งแกะสลักเป็นเก้าอี้และปราสาท
การเดินทางจาก Helsinki ไป Rovaniemi
ปราสาทหิมะเมืองเคมิ (Kemi Snow Castle) ตั้งอยู่ที่เมืองเคมิ (Kemi) นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวเมืองเคมิโดยมากนิยมนั่งเครื่องจากเฮลซิงกิมาลงที่สนามบินเมือง Rovaniemi ซึ่งเป็นเมืองใกล้เคียงกันที่เป็นเมืองใหญ่ มีเที่ยวบินและที่พักให้เลือกเยอะกว่า จากนั้นจึงเดินทางไปเที่ยวเมืองเคมิโดยการซื้อทัวร์หรือเช่ารถขับ โดยเมือง Rovaniemi ซึ่งเป็นเมืองหลักของภูมิภาคแลปแลนด์นั้นอยู่ห่างจากเฮลซิงกิเมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ ราว 690 กิโลเมตร จากประเทศไทยไม่มีเที่ยวบินตรง นักท่องเที่ยว ต้องต่อเครื่องไปจากเฮลซิงกิ ส่วนการเดินทางโดยรถยนต์และรถไฟนั้นใช้เวลาที่ยาวนาน
- เครื่องบิน (Plane) การเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบิน Vantaa เฮลซิงกิ (HEL) ไปยังสนามบิน Rovaniemi (RVN) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที โดยเส้นทางนี้จะมีสายการบินที่ให้บริการทั้งหมด 3 สายการบิน ให้บริการถึง 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
- รถยนต์ (Car) การเดินทางจากเฮลซิงกิไปโรวาเนียมีทางรถยนต์โดยใช้ถนนสาย E75 มีระยะระยะทาง 690 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง
- รถไฟ (Train) การเดินทางจากเฮลซิงกิไปโรวาเนียมีโดยรถไฟขบวน Inter City 274 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง
การเดินทางจาก Rovaniemi Airport เข้าเมือง
- รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบินโรวาเนียมี (Rovaniemi Airport) เข้าเมืองโดยปักหมุดที่สถานีขนส่งโรวาเนียมี (Rovaniemi Bussterminal) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ มีระยะทาง 9.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที
หากนักท่องเที่ยวไม่ได้เดินทางโดยการเช่ารถขับเอง และไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเดินทางเข้าเมือง โดยทั่วไปแล้วโรงแรมต่างๆ นั้นมีบริการรถรับส่งจากสนามบินไปยังโรงแรมโดยตรง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแจ้งแก่ทางโรงแรมได้เมื่อทำการจองห้องพัก (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)
การเดินทางไป Kemi Snow Castle
- รถยนต์ (Car) เส้นทางรถยนต์จากสถานีขนส่งโรวาเนียมี (Rovaniemi Bussterminal) ไป Kemi Snow Castle เมืองเคมิ โดยใช้ถนนสาย E75 จะมีระยะทาง 118 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 28 นาที
ทั้งนี้ การเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ในแลปแลนด์นั้น วิธีที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางไปกับทัวร์หรือเช่ารถขับ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางอย่างยิ่งหากต้องเดินทางโดยรถสาธารณะ ซึ่งตารางเวลาการเดินทางนั้นไม่ได้มีเยอะและเส้นทางการเดินรถไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรอรถท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นโดยที่ไม่มีเครื่องทำความอุ่นเหมือนเดินทางไปกับทัวร์หรือรถเช่าส่วนตัวนั้นจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวถูกลดทอนความสนุก และเสียเวลาไปมากกว่าที่ควรจะเป็น
เวลาทำการเปิด – ปิด
ปราสาทน้ำแข็งเมืองเคมิเปิดให้เข้าชมทุกวันในช่วงปลายเดือนธันวาคม – เมษายน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น.
อัตราค่าเข้าชม
บัตรผ่านประตู ราคา 17 ยูโร
บรรยากาศรอบๆ ด้านนอก
สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Kemi Snow Castle
สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ เยี่ยมชมส่วนต่างๆ ภายในปราสามหิมะให้ครบทั้งหมดได้แก่ ภัตตาคาร (Snow Restaurant) โบสถ์ (Snow Chapel) และโรงแรม (Snow Hotel) ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบห้าองศาเซลเซียส
ส่วนที่เป็นโรงแรม อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -5 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สามารถควบคุมการละลายของน้ำแข็งได้ทว่าไม่หนาวจนเกินไปและยังปลอดภัยอยู่
แต่ละห้องจะได้รับการออกแบบและแกะสลักเป็นลวดลายที่แตกต่างกัน
เตียงนอนที่แกะสลักจากน้ำแข็งนั้นจะปูด้วยขนกวางเรนเดียร์เพื่อให้ความอบอุ่น
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว Kemi Snow Castle ได้ในช่วงฤดูหนาว ราวๆ ปลายเดือนมกราคม – เมษายนโดยประมาณ ทั้งนี้ช่วงเวลาที่แน่นอนอาจมีการคลาดเคลื่อนเล็กน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสภาพอากาศประเทศฟินแลนด์ในแต่ละปี
ปราสาทน้ำแข็งที่สร้างด้วยความงดงามอลังการเหล่านี้ก็จะค่อยๆ ละลายไปเองเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้
บริเวณรอบๆ ปราสาทน้ำแข็งเคมิยังแวดล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ อ่าวบอธเนียน (Bothnian Bay) ที่น้ำในทะเลจะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับการเล่นสกีข้ามประเทศ (Cross – Country Ski) หรือว่าจะเป็นการขับสโนวโมบิล (Snowmobile) หรือนั่งเลื่อนกวางเรนเดียร์ (Reindeer Sleigh Ride) สำหรับผู้ที่ต้องการหลบอากาศหนาวเย็นเข้าไปชมสิ่งสวยๆ งามๆ สักพัก ใกล้ๆ กันกับปราสาทหิมะก็มีแกลเลอรี่อัญมณี (Gemstone Gallery) ที่ตั้งอยู่ติดกัน
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Kemi Snow Castle สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ปราสาทหิมะเคมิ เมืองเคมิ ประเทศฟินแลนด์
(Kemi Snow Castle, Kemi, Finland)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : บัตรผ่านประตู ราคา 17 ยูโร
เวลาทำการเปิด – ปิด : ปราสาทน้ำแข็งเมืองเคมิเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น. ในช่วงปลายเดือนมกราคม – เมษายนโดยประมาณ
ตั้งอยู่ที่ : Lumilinnankatu 15, 94100 Kemi, ฟินแลนด์
โทรศัพท์ : (+358) 16 258878
เว็บไซต์ : https://experience365.fi/snowcastle
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์การท่องเที่ยวแลปแลนด์ https://www.visitlapland.com
เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศฟินแลนด์ https://www.visitfinland.com
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
ล่องบอลลูนชม 2 ดินแดนมรดกโลก…พุกาม & คัปปาโดเชีย
หากเอ่ยถึง “พุกาม” (Bagan) เชื่อว่าคงจะนึกถึงสิ่งอื่นใดไปไม่ได้ นอกจากทะเลเจดีย์นับพันที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณพื้นที่ของเขตเขตมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ และหากเอ่ยถึง “คัปปาโดเชีย” (Cappadocia) ประเทศตุรกีหรือตุรเคีย แน่นอนว่าก็คงจะต้องมีภาพของบอลลูนหลากสีลอยล่องอยู่เหนือภูมิประเทศแปลกตา ที่เต็มไปด้วยกลุ่มภูเขาหินรูปกรวยโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน... ในครั้งนี้ Palanla จะพาออกเดินทางไปสัมผัสกับความน่าอัศจรรย์ของ 2 ดินแดนมรดกโลก “พุกาม” และ “คัปปาโดเชีย” ด้วยมุมมองจากบนท้องฟ้าผ่านการล่องบอลลูนลมร้อน พร้อมแล้วไปด้วยกัน!
อ่านต่อเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) & ฮาจิโกะ (Hachiko)
สุนัข ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์ของมนุษย์มายาวนานอยู่ทุกหนแห่งของโลกใบนี้ หลายๆ เรื่องราวถูกถ่ายทอดความประทับใจออกมาผ่านภาพยนตร์ หนังสือ ตลอดจนสร้างเป็นรูปปั้นอนุสรณ์สถานเพื่อเชิดชูและระลึกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่เจ้าตูบและมนุษย์มีต่อกัน เช่นเดียวกับรูปปั้นของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 2 แห่งที่ Palanla จะพาไปชมในวันนี้ ที่แรกคือ รูปปั้นสุนัขเกรย์ไฟรเออร์บ็อบบี้ (Greyfriars Bobby Statue) เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ และอีกที่คือ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะ (Hachiko) ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อ่านต่อ8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อิสตันบูล (Istanbul) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นนคร 2 ทวีป ซึ่งมีช่องแคบบอสฟอรัสเป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชียแห่งนี้ คือเมืองที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมานับพันๆ ปี จึงไม่น่าแปลกใจหากอิสตันบลูจะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และงดงามทรงคุณค่ามากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นยุโรปและเอเชียจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Palanla จะพาไปชม 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองอิสตันบูลที่หากมีโอกาสไปเยือนประเทศตุรกีไม่ควรพลาด
อ่านต่อล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของตุรกี เคยเป็นทั้งเส้นทางการค้าที่สำคัญ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน การล่องเรือชมวิวช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่หลากหลายของอิสตันบูล
อ่านต่ออุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน (Yerebatan Sarnici) คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของตุรกี ดินแดนที่เต็มไปด้วยประวัติความเป็นมามากกว่าพันปี อุโมงค์เก่าแก่ขนาดใหญ่แห่งนี้คือสถานที่เก็บน้ำในสมัยโบราณที่ยังคงความยิ่งใหญ่และงดงาม กับเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างเสากรีกที่ค้ำเรียงรายมากถึง 336 ต้น และเสาเมดูซ่าพร้อมตำนานที่เล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงซากโบราณของพระราชวังใต้ดินแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์อีกด้วย
อ่านต่อตลาดเครื่องเทศ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
ตลาดเครื่องเทศ (Historical Spice Bazaar / Egyptıan Spıce Bazaar) ในอิสตันบูล เป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ตลาดแห่งนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนเครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าอื่นๆ จากเอเชียมาสู่ยุโรป
อ่านต่อ10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี ตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านกลางเมือง ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกจากสถาปัตยกรรมอันสวยงามเปี่ยมเสน่ห์ที่รอคอยให้นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน Palanla ได้รวบรวมเอา 10 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองบูดาเปสต์มาให้แล้วในบทความนี้
อ่านต่อ12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก
ปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลนี้ ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปยุโรป ในอดีต เมืองปรากเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยิ่งใหญ่ของทวีปยุโรป ซึ่งอารยธรรมแห่งความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั้น ก็ยังคงสะท้อนอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเมือง วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม ฯลฯ ราวกับมรดกที่สืบทอด และรักษากันมาอย่างดี จนถูกยกให้เป็นเมืองที่มีความน่าหลงใหล ควรค่าแก่การไปสัมผัสความเป็นยุโรปมากที่สุด โดยเมืองปรากยังได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ด้วย ปัจจุบันเมืองนี้นับเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญ ของบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือนทวีปยุโรป ไปชม 12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองปรากพร้อมๆ กันกับ Palanla!
อ่านต่อถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ถนนแฟชั่นบูดาเปสต์ (Fashion Street Budapest) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในใจกลางเมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ถนนสายนี้เป็นที่รู้จักในด้านร้านค้าแฟชั่นชั้นนำจากแบรนด์ระดับโลก อาทิ Gucci, Louis Vuitton, Dior, Armani, Prada และ Chanel ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่มากมาย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวเมืองบุดาเปสต์เองด้วย
อ่านต่อล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
ล่องเรือดินเนอร์ในบูดาเปสต์ (Dinner Cruise Budapest) เป็นวิธียอดเยี่ยมในการชมความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์ โดยขณะที่เรือล่องไปตามแม่น้ำดานูบ (Danube River) นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของสะพาน พระราชวัง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รวมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแสนอร่อย
อ่านต่อ