- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

- อ่าน (3,416)
- By Webmaster
- 13:12:49 | 29 เม.ย. 2563
พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
Palazzo Ducale, Venice, Italy
พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวบริเวณจัตุรัสซานมาร์โค
พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล หรือพระราชวังโดจ (Palazzo Ducale / Doge's Palace) เป็นพระราชวังเก่าที่มีอายุราวหนึ่งพันปี ตั้งอยู่ในบริเวณของจัตุรัสซานมาร์โคที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเมืองเวนิส แต่เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของเจ้าเมืองเวนิสที่เรียกว่า “โดจ (Doge)” และยังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการในสมัยนั้นอีกด้วย ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้สาธารณะเข้าชม โดยตั้งแต่แรกสร้างจนถึงช่วงศตวรรษที่ 18 ได้มีการปรับโครงสร้าง เพิ่มอาคารส่วนต่อขยาย รวมถึงสร้างขึ้นใหม่อยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ พระราชวังแห่งนี้จึงเป็นแลนด์มาร์กเชิงประวัติศาสตร์ทั้งในด้านสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในรูปแบบผสมผสานทั้งแบบเวเนเชียน ไบเซนไทน์ เรเนซอง และโกธิก รวมถึงการตกแต่งภายในและภายนอกอันสวยงามทรงคุณค่าที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะสมัยนิยมในยุคนั้น ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเวนิสอีกแห่งหนึ่งที่ควรค่าต่อการเข้าชม
แผนที่ตั้งพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale) เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
ประวัติ
พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมโกธิก (Gothic Architecture) ตัวอาคารพระราชวังแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยอาคารปีกที่หันหน้าหาอ่าวซานมาร์โคเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด อาคารส่วนที่สองคือด้านที่หันหน้าเข้าหาจัตุรัสซานมาร์โค และอาคารส่วนที่สามคือฝั่งที่ติดกับคลองด้านสะพานบริดจ์ออฟไซท์ (Bridge of Sighs) พระราชวังนี้เคยเป็นที่ประทับของโดจ (Doge) เจ้าเมืองเมืองเวนิสในอดีต รวมถึงเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการในสมัยนั้นอีกด้วย
หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในปีค.ศ. 476 หลายเมืองจึงกลายเป็นเอกเทศและปกครองตนเองอย่างอิสระ เมืองเวนิสก็เช่นกัน โดยเจ้าเมืองหรือในภาษาท้องถิ่นจะเรียกกันว่า "โดจ (Doge)" ซึ่งโดจคนแรกของเมืองเวนิสคือ โดจ แองเจโล พาร์เทซิปาซิโอ (Doge Angelo Partecipazio) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลนี้ขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 9 โดยข้อสันนิษฐานในการเลือกตั้งพระราชวังบริเวณนี้เพราะมีคลองกั้นด้านหนึ่งเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการสร้างกำแพงหนาทึบ และหอสังเกตการณ์ทั้งสี่มุม มีทางเข้าหลักชื่อว่าประตูคาร์ตา (Carta Gate) ซึ่งคงอยู่มาถึงทุกวันนี้ พระราชวังนี้เป็นที่ตั้งของที่ประทับ หน่วยงานราชการ ศาล คุก และคลังแสงอาวุธ
ในช่วงศตวรรษที่ 10 พระราชวังแห่งนี้ถูกไฟไหม้ และได้รับการสร้างใหม่ภายใต้การปกครองของโดจ เซบัสเตียโน เซียนี (Doge Sebastiano Ziani) ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและผังของพระราชวังใหม่ทั้งหมดเพื่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารใหม่เพิ่มขึ้นสองหลังในพื้นที่บริเวณจัตุรัสซานมาร์โคในปัจจุบัน โดยหลังแรกหันหน้าไปทางจัตุรัส เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของศาลและสถาบันทางกฎหมาย อีกหลังหนึ่งหันหน้าเข้าหาอ่าวซานมาร์โคเพื่อใช้เป็นที่ตั้งของกรมการปกครองต่างๆ อาคารพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่นี้ใช้สถาปัตยกรรมไบเซนไทน์-เวเนเชียน (Byzantine-Venetain Architecture)
ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 13 ได้มีการขยายพระราชวังขึ้นอีกครั้งเพื่อรองรับข้าราชการที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น (ซึ่งเป็นโครงสร้างของพระราชวังที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้) ภายใต้การปกครองของโดจ บาร์โตโลมีโอ กราเดนิโก (Dodge Bartolomeo Gradenigo) และมีการประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังในบริเวณของสภา Great Council Chamber โดยจิตกรกาเรียนโต (Guariento) จากเมืองปาดัว (Padua) ที่อยู่ทางเหนือของประเทศอิตาลี และยังมีภาพเขียนอื่นๆ จากศิลปินฝีมือเอกอีกมากมายที่ใช้ประดับตกแต่งภายใน
ในช่วงศตวรรษที่ 14 โดจฟรานเซสโก ฟอสคารี (Doge Francesco Foscari) ได้มีการปรับโครงสร้างอาคารชั้นล่างที่หันหน้าเข้าหาจัตุรัสซานมาร์โคให้มีความโปร่งขึ้นเพื่อให้มองเห็นวิวของอ่าวได้ ซึ่งใช้ระยะเวลายาวนานจนถึงช่วงปลายของศตวรรษที่14 ซึ่งเป็นยุคของโดจ จิโอวานนี โมเซนนิโก (Doge Giovanni Mocenigo) และในช่วงนี้เกิดไฟไหม้ขึ้นอีกครั้งบริเวณอาคารฝั่งติดกับคลองซึ่งเป็นที่ประทับของโดจ จึงมีการสร้างอาคารขึ้นใหม่ด้วยสถาปัตยกรรมเรเนซอง (Renaissance Architecture) โดยนายสถาปนิกอันโตนิโอ ริซโซ๋ (Antonio Rizzo) สร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ในส่วนของคุก สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เชื่อมต่อกับส่วนพระราชวังด้วยสะพานบริดจ์ออฟไซท์ (Bridge of Sighs)
พระราชวังเป็นศูนย์กลางการปกครองของรัฐเวเนเชียมาหลายร้อยปี จนกระทั่งล่มสลายลงในปีค.ศ. 1797 เมื่อฝรั่งเศสและออสเตรียเข้ามายึดครอง แต่ในที่สุดรัฐเวเนเชียก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลีในปีค.ศ. 1866 เป็นต้นมา และในศควรรษที่ 19 รัฐบาลอิตาลีได้มีการจัดสรรงบประมาณมาให้เพื่อใช้ทำนุบำรุงพระราชวังเก่าแห่งนี้ พระราชวังนี้จึงเปลี่ยนบทบาทมาเป็นพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งดูแลโดยองค์กรพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองเวนิส (Civic Museums of Venice) นับแต่นั้นมาปัจจุบันพระราชวังปาลัซโซดูคาเล เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กอันโดดเด่นของเมืองเวนิสและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
อาคารพระราชวังฝั่งที่หันหน้าเข้าหาอ่าวซานมาร์โค
อาคารพระราชวังฝั่งที่ติดกับมหาวิหารซานมาร์โค
โถงทางเดินหลังคาซุ้มโค้งและเรียงรายด้วยเสาหินสลักเก่าแก่ริมอาคารพระราชวัง
ทางเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ด้านในพระราชวัง
เสาหินสลักโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศควรรษที่ 14-15 จัดแสดงอยู่ภายใน Room VI of the Museo dell’Opera ของพระราชวัง
เสาหินสลักโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศควรรษที่ 14-15
ชิ้นส่วนของอาคารพระราชวังเก่า
ชิ้นส่วนของเสาหินสลักโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่
เสาหินและรูปสลักโบราณ
สถาปัตยกรรมโบราณที่มีความเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของโลก
ประติมากรรมหินสลักรูปสิงโตเก่าแก่
เรือโบราณที่จัดแสดงอยู่ภายในริมทางเดินด้านในพระราชวัง
ด้านในพระราชวังจะมีลานสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยอาคารพระราชวัง
อาคารด้านในฝั่งทิศเหนือติดมหาวิหารซานมาร์โค
อาคารด้านในฝั่งทิศตะวันออกติดคลองข้างพระราชวัง
ด้านหลังอาคารทางฝั่งทิศใต้ที่หันหน้าสู่อ่าวซานมาร์โค
ในบริเวณของ The Senate Chamber ที่เคยเป็นรัฐสภาเก่า
พื้นที่ของสภาจะตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังและเพดาน
พื้นที่ของสภาจะตกแต่งด้วยภาพเขียนบริเวณผนังและเพดาน
ภาพเขียนขนาดใหญ่ในบริเวณห้องที่เคยเป็นศาลสูง The Chamber of the Great Council
ห้องต่างๆ ได้รับตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง
ภาพเขียนที่ใช้ตกแต่งถ่ายทอดเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองเวนิส
ภาพเขียนบอกเล่าเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ด้วยฝีมือศิลปินเอก
ภายในห้อง The Council Chamber ประดับด้วยภาพเขียนอย่างสวยงาม
ในส่วน Armoury จัดแสดงคลังแสงอาวุธของกองทัพในสมัยโบราณ
อาวุธโบราณแบบต่างๆ
อาวุธโบราณแบบต่างๆ
ปืนใหญ่ในสมัยโบราณ
ดาบ หมวก และโล่ ที่เคยใช้ในการออกรบ
ดาบ โล่ และชุดเกราะของนักรบในอดีต
ชุดเกราะและอาวุธของนักรบโบราณ
พื้นที่อาคารในส่วนของคุก
คุกเก่าไฟสลัวก่อด้วยอิฐหนาทึบ
โถงทางเดินแคบๆ ทอดยาวสู่ห้องคุมขังภายในคุก
ภายในคุกแบ่งเป็นห้องขังเล็กๆ เรียงรายไปตามโถงทางเดิน
ด้านในห้องขังเป็นพื้นที่แคบหลังคาต่ำ
สภาพด้านในคุกโบราณ
บางห้องจะมีเตียงเล็กๆ ทำจากไม้
สภาพภายในห้องขังเก่า
การเดินทางจากสนามบินเวนิสมาร์โคโปโล (Venice Marco Polo Airport / Aeroporto di Venezia-Marco Polo) ไปยังสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia)
- รถยนต์ (Car) จาก Venice Marco Polo Airport ไปยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
- รถประจำทาง (Bus) จาก Venice Marco Polo Airport ให้เดินมายังท่ารถ Aeroporto Marco Polo เพื่อขึ้นรถบัสสาย Venezia P. Roma (ออกทุก 20 นาที) มุ่งหน้าไปยังเมือง Venice โดยเมื่อไปถึงเมืองเวนิส รถบัสจะจอดให้ลงบริเวณท่ารถ Venezia Piazzale Roma ATVO ที่จัตุรัสโรมา (Piazzale Roma) จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงยัง Stazione di Venezia Santa Lucia มีระยะทางโดยรวมประมาณ 13.7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที
หมายเหตุ : Stazione di Venezia Santa Lucia เป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองเวนิสที่มีเส้นทางเดินรถเชื่อมต่อกับเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลี รวมถึงเมืองต่างๆ ในประเทศแถบยุโรป แต่ขนส่งสาธารณะหลักภายในเมืองเวนิส จะใช้การเดินทางทางน้ำโดย “เรือประจำทาง” ที่เรียกว่า “Water-bus” ซึ่งมีท่าเรือครอบคลุมทั่วเมือง โดยท่าเรือบริเวณด้านหน้า Stazione di Venezia Santa Lucia มีจำนวน 4 ท่าแยกตามเส้นทางเดินเรือ ได้แก่ Ferrovia “A”, Ferrovia “B”, Ferrovia “C” และ Ferrovia “D”
การเดินทางจากสถานีรถไฟเวเนเซียซานตาลูเซีย (Stazione di Venezia Santa Lucia) ไปยังพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale)
- เรือ (Ferry) จาก Stazione di Venezia Santa Lucia เดินไปยังท่าเรือ Ferrovia D เพื่อขึ้น Water-bus สาย 1 จากนั้นลงที่ท่าเรือ San Marco-Zaccaria ก็จะถึงยัง Palazzo Ducale ใช้เวลาเดินทางโดยรวมประมาณ 40 นาที
เวลาทำการเปิด-ปิด
วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 31 ตุลาคม
วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.
วันศุกร์ - วันเสาร์ เปิดเวลา 8:30 น. - 23:00 น.
วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 31 มีนาคม
เปิดทุกวัน เวลา 8:30 น. - 19:00 น.
อัตราค่าเข้าชม
จะเป็นตั๋วแบบรวมค่าเข้าชมพระราชวังและสถานที่ต่างๆ ภายในบริเวณจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค ดังนี้
- พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล (Palazzo Ducale)
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะคอร์เรย์ (Museo Correr)
- พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (Museo Archeologico Nazionale di Venezia)
- ห้อง Monumental Rooms ภายในหอสมุดแห่งชาติมาร์เซียน่า (Biblioteca Nazionale Marciana)
ราคาตั๋ว
- ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 25 Euro
- เด็กอายุ 6-14 ปี / นักเรียนนักศึกษาอายุ 15-25 ปี / ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 13 Euro
- ชาวเวนิส / เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี / ผู้พิการ เข้าชมฟรี
ทัศนียภาพพระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเลริมอ่าวซานมาร์โค
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว Palazzo Ducale สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
(Palazzo Ducale, Venice, Italy)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : จะเป็นตั๋วแบบรวมค่าเข้าชมพระราชวัง และสถานที่ต่างๆ ภายในบริเวณจัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค
- ตั๋วผู้ใหญ่ ราคา 25 Euro
- เด็กอายุ 6-14 ปี / นักเรียนนักศึกษาอายุ 15-25 ปี / ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป ราคา 13 Euro
- ชาวเวนิส / เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี / ผู้พิการ เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วันที่ 1 เมษายน ถึง วันที่ 31 ตุลาคม
- วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี เปิดเวลา 8:30 น. - 21:00 น.
- วันศุกร์ - วันเสาร์ เปิดเวลา 8:30 น. - 23:00 น.
วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 31 มีนาคม
- เปิดทุกวัน เวลา 8:30 น. - 19:00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
โทรศัพท์ : (+39) 041 2715911
เว็บไซต์ : https://palazzoducale.visitmuve.it/en/home/
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/th/it/italy-weather
เว็บไซต์ทางการของเมืองเวนิส https://www.veneziaunica.it/en
เว็บไซต์ทางการของประเทศอิตาลี http://www.italia.it/en/home.html
เว็บไซต์การท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี https://www.italyguides.it/en
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
กรุงลอนดอน (London) เป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และสหราชอาณาจักร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป นอกจากมหานครแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ลอนดอนยังเต็มไปด้วยสีสันแห่งแฟชั่น และศิลปะ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก และเป็นที่เข้าใจกันว่าปัจจุบันลอนดอนกลายเป็นเมืองสากลหลักของโลก วันนี้ Palanla จะพาไปชม 15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในลอนดอน ประเทศอังกฤษที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
อ่านต่อ
หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในลอนดอนที่มีชื่อเสียงก้องโลก และเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศอังกฤษมานานกว่า 160 ปี โดยแต่เดิมนั้นคำว่าบิ๊กเบนเป็นชื่อของระฆังใบที่ใหญ่ที่สุดในหอนาฬิกา เรียกอีกอย่างว่า “มหาระฆัง” หรือ “เดอะเกรทเบลล์” มีน้ำหนักถึง 13 ตัน
อ่านต่อ
ทัวร์รถบัสฮอฟออน ฮอฟออฟ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
ทัวร์รถบัสฮอฟออน ฮอฟออฟ (Hop-On Hop-Off) ในลอนดอน เป็นวิธีท่องเที่ยวที่จะเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และชมแลนด์มาร์กสำคัญต่างๆ ของกรุงลอนดอนได้อย่างเรียกว่าน่าจะครบถ้วนมากที่สุดรูปแบบหนึ่งจากบนรถบัสเปิดประทุน พร้อมหูฟังที่สามารถเลือกเสียงบรรยายได้ถึง 5 ภาษา โดยสามารถขึ้นและลงรถบัสนี้ ณ จุดจอดใดก็ได้ที่กำหนดไว้ กี่ครั้งก็ได้ตามที่ต้องการ
อ่านต่อ
ถนนออกซ์ฟอร์ด กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
ถนนออกซ์ฟอร์ด (Oxford Street ) หนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่คึกคักมากที่สุดของลอนดอน มีร้านขายสินค้าแบรนด์เนมขนาดใหญ่หลายแห่ง และยังมีร้านค้าขนาดใหญ่มากมายบนถนนสายนี้มากกว่า 300 ร้านค้า
อ่านต่อ
จัตุรัสรัฐสภา กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
จัตุรัสรัฐสภา (Parliament Square) เป็นจัตุรัสที่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ อาคารโดยรอบสวยงาม และมีรูปปั้นของบุคคลสำคัญของอังกฤษอยู่ทั่วจัตุรัส
อ่านต่อ
โซโห กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
มีคำกล่าวที่ว่า “หากมาลอนดอนเเล้วไม่ได้มาช้อปปิ้งที่ Soho ถือว่ายังเที่ยวไม่ครบ” เพราะย่านนี้รวมไว้ด้วยแหล่งช้อบปิ้งชั้นนำ และยังโดดเด่นด้วยร้านบูติกที่เรียกได้ว่าน่าสนใจที่สุดในลอนดอน
อ่านต่อ
เกล็นฟินแนน เวียดัคท์ เขตอินเวอร์เนส-ไชร์ ประเทศสกอตแลนด์
เกล็นฟินแนน เวียดัคท์ (Glenfinnan Viaduct) เป็นสะพานรถไฟคอนกรีตที่ยาวที่สุดของประเทศสกอตแลนด์ เส้นทางรถไฟนี้วิ่งระหว่างเมืองกลาสโกว์กับเมืองมัลเลก บรรยากาศสองข้างมีความสวยงามเป็นอย่างมากจากทิวทัศน์ของหุบเขา โดยเฉพาะบริเวณสะพานรถไฟที่ผ่านหมู่บ้านเกล็นฟินแนนที่จะมองเห็นทั้งหุบเขาและทะเลสาบน้ำจืดล็อกชิเอลอันกว้างใหญ่ สะพานรถไฟเกล็นฟินแนน เวียดัคท์ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยโด่งดังมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ที่ใช้เป็นฉากเส้นทางรถไฟไปฮอกวอตส์ ไฮไลท์การท่องเที่ยวที่นี่จะอยู่ในช่วงฤดูร้อนที่จะมีรถไฟจักรไอน้ำให้บริการตลอดเส้นทาง ซึ่งนอกจากจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วยังได้บรรยากาศคลาสสิกของรถไฟอีกด้วย
อ่านต่อ
ปราสาทสเตอร์ลิง เมืองสเตอร์ลิง ประเทศสกอตแลนด์
ปราสาทสเตอร์ลิง (Stirling Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสกอตแลนด์ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางสถาปัตยกรรมมากที่สุดอีกด้วย ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุคเรอเนซองส์กับสถาปัตยกรรมโกธิกตอนปลาย ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมน่าประทับใจที่สุดในสกอตแลนด์ และควรค่าแก่การเที่ยวชมเป็นอย่างมาก โดยไฮไลท์ของการเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้คือการเดินชมบริเวณโดยรอบอาคารต่างๆ บริเวณห้องโถงใหญ่ ชมพรมทอมือเจ็ดผืนบนผนังห้องโถงชั้นใน สำรวจห้องใต้ดินของพระราชวัง และสวนควีนแอนน์ นอกจากนี้ยังมีส่วนของนิทรรศการปราสาท แกลเลอรี และพิพิธภัณฑ์การทหารให้เที่ยวชมอีกด้วย
อ่านต่อ
7 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
เมืองกลาสโกว์เป็นเมืองท่าริมแม่น้ำไคลด์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสกอตแลนด์ เมืองกลาสโกว์มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียนและศิลปะสไตล์อาร์ตนูโว ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากความรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 18-20 ของเมืองอันเนื่องมาจากการค้าและการต่อเรือ ปัจจุบันเมืองกลาสโกว์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งชาติ และเป็นที่ตั้งของสถาบันสำคัญต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าเที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองกลาสโกว์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้
อ่านต่อ
สุสานกลาสโกว์ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
สุสานกลาสโกว์ (Glasgow Necropolis) เป็นสุสานสไตล์วิกตอเรียนที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ทางทิศตะวันออกของมหาวิหารกลาสโกว์ สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของคนราวห้าหมื่นคน โดยมีทั้งสุสานธรรมดาไปจนถึงสุสานที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอนุสรณ์ เช่น อนุสาวรีย์จอห์น เฮนรี อเล็กซานเดอร์ และอนุสาวรีย์ชาร์ลส์ เทนแนนต์ สุสานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสุสานไม่กี่แห่งที่เก็บบันทึกข้อมูลผู้เสียชีวิต เช่น อาชีพ อายุ เพศ และสาเหตุการเสียชีวิต ปัจจุบันสุสานกลาสโกว์เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองกลาสโกว์ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเยือนในแต่ละปี เพราะเป็นสุสานเก่าที่มีสถาปัตยกรรมในรูปแบบอนุสรณ์สถานให้เที่ยวชมมากมายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสุสานแห่งนี้นั่นเอง
อ่านต่อ