โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี

  • อ่าน (8,919)
  • By Webmaster
  • 10:02:45 | 8 เม.ย. 2563

โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี

Colosseum, Rome, Italy

             โคลอสเซียม (Colosseum) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงที่สุดของกรุงโรม ประเทศอิตาลี  ที่เมื่อเอ่ยชื่อคงมีน้อยคนที่จะไม่คุ้นหู สนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดมหึมาแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ที่นอกจากจะเคยเป็นสนามประลองอันทรงเกียรติของบรรดาเหล่านักสู้ในสมัยโบราณแล้วยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย


ประวัติ

             โคลอสเซียมถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยน (Vespasianus) แห่งจักวรรดิโรมัน สร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราวๆ ปี ค.ศ. 80 สนามประลองแห่งนี้มีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายโดยมีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร สูงประมาณ 57 เมตร และสามารถบรรจุคนได้ร่วม 50,000 คน

             หากเทียบกับความยิ่งใหญ่และอลังการของลานประลองแห่งนี้แล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องประหลาดใจที่โคลอสเซียมอันยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์แห่งนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 10 ปีเท่านั้น ด้วยความยิ่งใหญ่จึงมีประตูทางเข้าทางเข้ามากกว่า 80 แห่ง โดยในสมัยโบราณเมื่อมีงานเฉลิมฉลองต่างๆ หรือเมื่อจัดเกมการแข่งขันบางครั้งอาจจัดกันยาวนานถึงร้อยวันเลยทีเดียว

             โคลอสเซียมเป็นสิ่งก่อสร้างจากยุคโรมันโบราณที่ได้รับการออกออกแบบอย่างชาญฉลาด โดยมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลมเพื่อที่ผู้ชมจะได้ใกล้ชิดกับนักกีฬา และไม่เพียงเท่านั้นเพราะสนามประลองแห่งนี้ยังมีทางระบายน้ำที่ดีเยี่ยมที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำขังในสนามหากเกิดฝนตก ซึ่งเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันด้วย และเนื่องจากเคยเป็นสนามประลองมาก่อนโคลอสเซียมจึงมีบริเวณใต้ดินที่มีห้องคุมขังนักโทษหลายร้อยห้อง รวมถึงมีกรงสำหรับใช้ขังสัตว์ป่าดุร้ายที่ไว้ใช้สำหรับการประลองการต่อสู้หลายร้อยกรงที่บริเวณชั้นใต้ดินอีกด้วย

             นอกจากโคลอสเซียมจะเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมในปัจจุบันแล้ว ในอดีตยังเคยเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมัน วัตถุประสงค์สำหรับการสร้างโคลอสเซียมขึ้นมาแรกเริ่มนั้นคือสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ (Gladiator) ซึ่งก็คือกลุ่มคนที่ถูกจับหรือถูกขายเป็นทาสในยุคโรมันแล้วมาต่อสู้ประลองกันในสนาม หรือการประลองของกษัตริย์ใหม่ที่ต้องการแสดงฝีมือและอำนาจ  รวมไปถึงการที่นักโทษที่รอวันประหารชีวิตหรือนักโทษที่ถูกคุมขังขอประลองเพื่อแลกกับอิสรภาพ โดยการประลองนั้นก็มีทั้งประลองกับกลาดิเอเตอร์รวมถึงการประลองกับสัตว์ป่าต่างๆ ที่ดุร้าย และผลจากการขอประลองเพื่อเรียกร้องอิสรภาพนั้นจึงได้ลามไปถึงการเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาประลองเพื่อยกระดับฐานะด้วย

             แม้ว่าในอดีตโคลอสเซียมจะเคยเป็นสนามประลองอันโหดเหี้ยมที่มีชีวิตของผู้คนที่เข้าแข่งขันเป็นเดิมพันและต้องสังเวยให้แก่สนามประลองแห่งนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน แต่ปัจจุบันสนามประลองในอดีตแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดยทุกครั้งที่มีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตจากที่ใดของโลกก็ตาม ที่โคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุกครั้ง


โคลอสเซียมได้รับคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก


โคลอสเซียมสามารถจุคนได้ร่วม 50,000 คน


สนามกีฬากลางแจ้งโบราณขนาดมหึมาแห่งนี้คือสนามประลองอันทรงเกียรติของเหล่านักสู้ในสมัยโบราณ


โคลอสเซียมมีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายโดยมีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร สูงประมาณ 57 เมตร


การเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมือง

           สนามบินโรม หรือชื่อทางการคือท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci-Fiumicino Airport) ภาษาอิตาเลียนใช้ Fiumicino Aeroporto ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโรมประมาณ 30 กิโลเมตร จากสนามบินนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าเมืองไปยังสถานีรถไฟหลักคือสถานี Roma Termini ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของกรุงโรมได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

           - รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto ไปยังสถานี Roma Termini โดยใช้เส้นทางสาย A91 มีระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

           - รถไฟ (Train) จากสนามบิน Fiumicino Aeroporto นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสาย RV3231 ไปยังสถานี Roma Termini ได้โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที


การเดินทางไป Colosseum

           - รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากสถานี Roma Termini ไปยัง Colosseum โดยใช้เส้นทางสาย Via Nazionale มีระยะทาง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 นาที

           - รถไฟ (Train) จากสถานี Roma Termini ไปยัง Colosseum นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟสาย MEBLaurentina ไปลงที่สถานี Colosseo ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 9 นาที


เวลาทำการเปิด – ปิด

           เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 – 19.00 น.


นักท่องเที่ยวเข้าคิวเพื่อรอเข้าชมโคลอสเซียม


อัตราค่าเข้าชม

           ตั๋วเข้าชมแบบไม่มีไกด์ราคา 16 ยูโร ทั้งนี้เป็นตั๋วแบบ Fast Track คือมีทางเข้าที่สงวนไว้ในเวลาที่นักท่องเที่ยวได้เลือกเพื่อไปยังสถานที่โคลอสเซียม โดยตั๋วสามารถใช้เข้าชม Roman Forum และ Palatine Hill ได้ด้วย (ใช้ได้ 2 วัน - หนึ่งครั้งต่อการเยี่ยมชมแต่ละสถานที่) และมี Audio-guide ให้หากต้องการ

           ตั๋วเข้าชมแบบมีไกด์ ราคา 17 ยูโร


โดลอสเซียมสร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราวๆ ปี ค.ศ. 80


โคลอสเซียมถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยน (Vespasianus) แห่งจักวรรดิโรมัน


สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยว Colosseum

           หากต้องการเที่ยวอย่างคุ้มค่า นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินเพื่อใช้บริการนำเที่ยวเมื่อเข้าสู่บริเวณภายในแล้ว และยังสามารถเช่าอุปกรณ์ให้เสียงบรรยายได้ด้วย โดยในคอลอสเซียมนั้นมีสิ่งต่างๆ ที่ให้ชมมากมากมาย และมีหัวใจสำคัญคือไฮโปเจียม (Hypogeum) ซึ่งเป็นชั้นใต้ดิน

 
สนามประลองอันยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์แห่งนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 10 ปี โดยสร้างแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) (รูปซ้าย) บรรยากาศของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมโคลอสเซียม (รูปขวา)


โคลอสเซียมมีประตูทางเข้ามากกว่า 80 แห่ง


โคลอสเซียมมีบริเวณใต้ดินที่มีห้องคุมขังนักโทษหลายร้อยห้อง รวมถึงมีกรงสำหรับใช้ขังสัตว์ป่าดุร้ายที่ไว้ใช้สำหรับการประลองการต่อสู้หลายร้อยกรงที่บริเวณชั้นใต้ดินด้วย


สนามประลองแห่งนี้ยังมีทางระบายน้ำที่ดีเยี่ยมที่สามารถป้องกันไม่ให้น้ำขังในสนามหากเกิดฝนตก ซึ่งเป็นต้นแบบของการออกแบบสนามกีฬาอื่นๆ ในปัจจุบันด้วย


โคลอสเซียมเป็นสิ่งก่อสร้างจากยุคโรมันโบราณที่ได้รับการออกออกแบบอย่างชาญฉลาด


เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว

           นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยว Colosseum ได้ตลอดทั้งปี


ทางเดินปูด้วยหิน


สถาปัตยกรรมการออกแบบอันน่าทึ่งของคนสมัยโรมันโบราณ


ปัจจุบันสนามประลองในอดีตแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านโทษประหารชีวิต โดยทุกครั้งที่มีการกลับการตัดสินหรือยกเลิกโทษประหารชีวิตจากที่ใดของโลกก็ตาม ที่โคลอสเซียมจะมีไฟสีเหลืองส่องสว่างทุกครั้ง


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

           หากนักท่องเที่ยววางแผนล่วงหน้าและซื้อตั๋วที่รวมการเข้าชมโคลอสเซียม โรมันฟอรัม และเนินเขาปาลาทีนไว้ด้วยกัน จะสามารถเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องรอคิวยาวๆ 


           นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวชม Colosseum สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

                       โคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี

                       (Colosseum, Rome, Italy)

                       ระดับความนิยม : 

                       อัตราค่าเข้าชม : ตั๋วเข้าชมแบบไม่มีไกด์ราคา 16 ยูโร แบบมีไกด์ราคา 17 ยูโร

                       เวลาเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 – 19.00 น.

                       ตั้งอยู่ที่ : Piazza del Colosseo, 1, 00184 Roma RM

                       โทรศัพท์ : (+39) 06 3996 7700  

                       เว็บไซต์ : https://www.rome.net/colosseum

                       ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com/

                                       เว็บไซต์การท่องเที่ยวเมืองโรม https://www.rome.net/

                                       เว็บไซต์การท่องเที่ยวประเทศอิตาลี http://www.italia.it

                                       ขนส่งสาธารณะเมืองโรม https://www.rome.net/transportation

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

15 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

กรุงลอนดอน (London) เป็นเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ และสหราชอาณาจักร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป นอกจากมหานครแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ลอนดอนยังเต็มไปด้วยสีสันแห่งแฟชั่น และศิลปะ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก และเป็นที่เข้าใจกันว่าปัจจุบันลอนดอนกลายเป็นเมืองสากลหลักของโลก วันนี้ Palanla จะพาไปชม 15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในลอนดอน ประเทศอังกฤษที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

อ่านต่อ

หอนาฬิกาบิ๊กเบน กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในลอนดอนที่มีชื่อเสียงก้องโลก และเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศอังกฤษมานานกว่า 160 ปี โดยแต่เดิมนั้นคำว่าบิ๊กเบนเป็นชื่อของระฆังใบที่ใหญ่ที่สุดในหอนาฬิกา เรียกอีกอย่างว่า “มหาระฆัง” หรือ “เดอะเกรทเบลล์” มีน้ำหนักถึง 13 ตัน

อ่านต่อ

ทัวร์รถบัสฮอฟออน ฮอฟออฟ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

ทัวร์รถบัสฮอฟออน ฮอฟออฟ (Hop-On Hop-Off) ในลอนดอน เป็นวิธีท่องเที่ยวที่จะเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และชมแลนด์มาร์กสำคัญต่างๆ ของกรุงลอนดอนได้อย่างเรียกว่าน่าจะครบถ้วนมากที่สุดรูปแบบหนึ่งจากบนรถบัสเปิดประทุน พร้อมหูฟังที่สามารถเลือกเสียงบรรยายได้ถึง 5 ภาษา โดยสามารถขึ้นและลงรถบัสนี้ ณ จุดจอดใดก็ได้ที่กำหนดไว้ กี่ครั้งก็ได้ตามที่ต้องการ

อ่านต่อ

ถนนออกซ์ฟอร์ด กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

ถนนออกซ์ฟอร์ด (Oxford Street ) หนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่คึกคักมากที่สุดของลอนดอน มีร้านขายสินค้าแบรนด์เนมขนาดใหญ่หลายแห่ง และยังมีร้านค้าขนาดใหญ่มากมายบนถนนสายนี้มากกว่า 300 ร้านค้า

อ่านต่อ

จัตุรัสรัฐสภา กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

จัตุรัสรัฐสภา (Parliament Square) เป็นจัตุรัสที่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ อาคารโดยรอบสวยงาม และมีรูปปั้นของบุคคลสำคัญของอังกฤษอยู่ทั่วจัตุรัส

อ่านต่อ

โซโห กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)

มีคำกล่าวที่ว่า “หากมาลอนดอนเเล้วไม่ได้มาช้อปปิ้งที่ Soho ถือว่ายังเที่ยวไม่ครบ” เพราะย่านนี้รวมไว้ด้วยแหล่งช้อบปิ้งชั้นนำ และยังโดดเด่นด้วยร้านบูติกที่เรียกได้ว่าน่าสนใจที่สุดในลอนดอน

อ่านต่อ

เกล็นฟินแนน เวียดัคท์ เขตอินเวอร์เนส-ไชร์ ประเทศสกอตแลนด์

เกล็นฟินแนน เวียดัคท์ (Glenfinnan Viaduct) เป็นสะพานรถไฟคอนกรีตที่ยาวที่สุดของประเทศสกอตแลนด์ เส้นทางรถไฟนี้วิ่งระหว่างเมืองกลาสโกว์กับเมืองมัลเลก บรรยากาศสองข้างมีความสวยงามเป็นอย่างมากจากทิวทัศน์ของหุบเขา โดยเฉพาะบริเวณสะพานรถไฟที่ผ่านหมู่บ้านเกล็นฟินแนนที่จะมองเห็นทั้งหุบเขาและทะเลสาบน้ำจืดล็อกชิเอลอันกว้างใหญ่ สะพานรถไฟเกล็นฟินแนน เวียดัคท์ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยโด่งดังมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ที่ใช้เป็นฉากเส้นทางรถไฟไปฮอกวอตส์ ไฮไลท์การท่องเที่ยวที่นี่จะอยู่ในช่วงฤดูร้อนที่จะมีรถไฟจักรไอน้ำให้บริการตลอดเส้นทาง ซึ่งนอกจากจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามแล้วยังได้บรรยากาศคลาสสิกของรถไฟอีกด้วย

อ่านต่อ

ปราสาทสเตอร์ลิง เมืองสเตอร์ลิง ประเทศสกอตแลนด์

ปราสาทสเตอร์ลิง (Stirling Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสกอตแลนด์ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางสถาปัตยกรรมมากที่สุดอีกด้วย ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุคเรอเนซองส์กับสถาปัตยกรรมโกธิกตอนปลาย ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมน่าประทับใจที่สุดในสกอตแลนด์ และควรค่าแก่การเที่ยวชมเป็นอย่างมาก โดยไฮไลท์ของการเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้คือการเดินชมบริเวณโดยรอบอาคารต่างๆ บริเวณห้องโถงใหญ่ ชมพรมทอมือเจ็ดผืนบนผนังห้องโถงชั้นใน สำรวจห้องใต้ดินของพระราชวัง และสวนควีนแอนน์ นอกจากนี้ยังมีส่วนของนิทรรศการปราสาท แกลเลอรี และพิพิธภัณฑ์การทหารให้เที่ยวชมอีกด้วย

อ่านต่อ

7 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

เมืองกลาสโกว์เป็นเมืองท่าริมแม่น้ำไคลด์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสกอตแลนด์ เมืองกลาสโกว์มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรียนและศิลปะสไตล์อาร์ตนูโว ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากความรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 18-20 ของเมืองอันเนื่องมาจากการค้าและการต่อเรือ ปัจจุบันเมืองกลาสโกว์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งชาติ และเป็นที่ตั้งของสถาบันสำคัญต่างๆ และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าเที่ยวชม วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 7 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองกลาสโกว์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

สุสานกลาสโกว์ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์

สุสานกลาสโกว์ (Glasgow Necropolis) เป็นสุสานสไตล์วิกตอเรียนที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ทางทิศตะวันออกของมหาวิหารกลาสโกว์ สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของคนราวห้าหมื่นคน โดยมีทั้งสุสานธรรมดาไปจนถึงสุสานที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอนุสรณ์ เช่น อนุสาวรีย์จอห์น เฮนรี อเล็กซานเดอร์ และอนุสาวรีย์ชาร์ลส์ เทนแนนต์ สุสานแห่งนี้เป็นหนึ่งในสุสานไม่กี่แห่งที่เก็บบันทึกข้อมูลผู้เสียชีวิต เช่น อาชีพ อายุ เพศ และสาเหตุการเสียชีวิต ปัจจุบันสุสานกลาสโกว์เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองกลาสโกว์ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเยือนในแต่ละปี เพราะเป็นสุสานเก่าที่มีสถาปัตยกรรมในรูปแบบอนุสรณ์สถานให้เที่ยวชมมากมายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสุสานแห่งนี้นั่นเอง

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ