20 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในอยุธยา ประเทศไทย

  • อ่าน (5,286)
  • ByWebmaster
  • 14:26:08 | 12 ม.ค. 2567

20 สถานที่เที่ยวยอดนิยมในอยุธยา ประเทศไทย 

Top 20 Travel Destinations in Ayutthaya, Thailand

             พระนครศรีอยุธยา เมืองเก่าแก่ของประเทศไทยที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม พระราชวัง พิพิธภัณฑ์ ตลาดโบราณ ไปจนกระทั่งร้านอาหารสมัยใหม่ที่กลมกลืนกับบรรยากาศแวดล้อม แม้จะผ่านคืนวันมาเนิ่นนาน แต่มนต์เสน่ห์ของกรุงเก่าแห่งนี้ก็ยังคงดึงดูดให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเดินทางไปเยี่ยมเยือนและดื่มด่ำไปกับร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของชาติ

 

1. วัดพนัญเชิงวรวิหาร

             วัดพนัญเชิงวรวิหาร (Wat Phanan Choeng Worawihan) ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่ที่มีสถานะเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี  และได้รับการรักษาบูรณะอย่างดีมาจนถึงในปัจจุบัน ภายในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปไตรรัตนายก (หลวงพ่อโต หรือซำปอกง) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอยุธยาที่ได้รับความเคารพบูชาทั้งในหมู่คนไทยและคนจีนมาอย่างยาวนาน วัดพนัญเชิงเคยได้รับความเสียหายในสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 ได้มีการบูรณะพระพุทธรูปประจำวัดพนัญเชิงขึ้นใหม่หมดทั้งองค์ รวมถึงอาคารอื่นๆ โดยรอบ

ข้อมูลการเดินทาง

             วัดพนัญเชิง ตั้งอยู่บริเวณนอกเกาะอยุธยา ใกล้กับวัดใหญ่ชัยมงคล หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : วัดพนัญเชิง เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 07.00 - 17.00 น.

พิกัด GPS : 14°20'39.0"N 100°34'43.9"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=98


2. วัดไชยวัฒนาราม

             วัดไชยวัฒนาราม (Wat Chaiwatthanaram) มีชื่อเรียกอื่นๆ ว่า “วัดไชยยาราม” หรือ “วัดไชยชนะทาราม” ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2534 วัดไชยวัฒนาราม ถือเป็นวัดพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในปี พ.ศ. 2173 ที่ตั้งของวัดแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นบ้านพักของพระราชมารดาที่ได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนที่พระเจ้าปราสาททองได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ ภายหลังจากที่พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ จึงได้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดาของพระองค์ วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดหลวงที่ใช้เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลของบรรดาพระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยา และยังถูกใช้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงศพพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์

ข้อมูลการเดินทาง

             วัดไชยวัฒนารามตั้งอยู่บริเวณนอกเกาะอยุธยา โดยใช้เส้นทางวิ่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยสะพานกษัตราธิราช เมื่อลงจากสะพานให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 750 เมตร จะพบกับตัววัด (มีที่จอดรถบริการที่หน้าวัด) หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : วัดไชยวัฒนารามเปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.

พิกัด GPS : 14°20'34.7"N 100°32'30.7"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดไชยวัฒนาราม ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=87


3. วัดพระราม

             วัดพระราม (Wat Phra Ram) ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น มีบริเวณกว้างขวาง สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระราเมศวร ใน พ.ศ. 1912   สถาปัตยกรรมหลักที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันคือองค์ปรางค์ขนาดใหญ่ก่อด้วยอิฐถือปูน ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม รอบพระปรางค์ยังมีเจดีย์รายล้อมอีก 4 องค์ นอกจากนี้ยังมีบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่สันนิษฐานว่าเกิดจากการขุดดินขึ้นมาสร้างวัดในอดีต บึงแห่งนี้มีชื่อปรากฏในกฎมณเฑียรบาลว่า “บึงชีขัน” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บึงพระราม” วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดสำคัญในสมัยอยุธยา จึงได้รับการดูแล บูรณะปฏิสังขรณ์อย่างดีเรื่อยมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นที่เก็บรักษาของมีค่ามากมาย ทั้งพระพุทธรูปทองคำ พระพิมพ์แบบอู่ทอง รวมถึงลูกประคำแก้วและทองคำจำนวนมาก

ข้อมูลการเดินทาง

             วัดพระรามตั้งอยู่ในเกาะอยุธยา ถนนนเรศวร ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาและวังช้างอยุธยา หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : วัดพระรามเปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00–18.00 น.

พิกัด GPS 14°21'14.8"N 100°33'42.1"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระราม ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=90


4. วัดใหญ่ชัยมงคล

             วัดใหญ่ชัยมงคล (Wat Yai Chai Mongkhon) มีชื่อเดิมว่า “วัดป่าแก้ว” หรือ “วัดพระยาไทย” ตั้งอยู่บริเวณตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งในสมัยอยุธยา สันนิษฐานว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นผู้โปรดให้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นในราว พ.ศ. 1900 เพื่อใช้เป็นสำนักของเหล่าพระสงฆ์ที่ไปบวชเรียนมาจากสำนักพระวันรัตน์มหาเถรในประเทศลังกา  โดยภายในวัดมีเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในอยุธยา และยังเป็นเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรเป็นผู้โปรดให้สร้างขึ้นอีกด้วย ส่วนภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล พระประธานที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด          

ข้อมูลการเดินทาง

            วัดใหญ่ชัยมงคล ตั้งอยู่นอกเกาะเมือง โดยจากเกาะเมืองอยุธยา ให้ขับรถมุ่งหน้ามาทางวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม เลี้ยวซ้ายมาจนพบกับวัดใหญ่ชัยมงคล หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : วัดใหญ่ชัยมงคลเปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.

พิกัด GPS : 14°20'43.8"N 100°35'32.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดใหญ่ชัยมงคล ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=103


5. วัดพระศรีสรรเพชญ์

             วัดพระศรีสรรเพชญ์ (Wat Phra Si Sanphet) ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดสำคัญสูงสุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีฐานะเป็นวัดประจำพระราชวัง และวัดส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ สร้างอยู่ในเขตพระราชฐานโดยไม่มีพระสงฆ์จำวัด ซึ่งถือเป็นต้นแบบของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วในปัจจุบัน  ในอดีตวัดแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญมากมาย รวมถึงพระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และเป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์บางพระองค์อีกด้วย  

ข้อมูลการเดินทาง

             วัดพระศรีสรรเพชญ์ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเกาะเมืองอยุธยา โดยอยู่ติดกับวัดพระราม และวัดมหาธาตุ หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : วัดพระศรีสรรเพชญ์เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.

พิกัด GPS : 14°21'20.6"N 100°33'21.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=100


6. วัดมหาธาตุ

             วัดมหาธาตุ (Wat Mahathat) ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในสมัยที่กรุงศรีอยุธยายังมีความรุ่งเรือง ใช้จัดพระราชพิธีต่างๆ ทางศาสนา มีการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายในวัด และใช้เป็นสถานที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี วัดมหาธาตุได้รับความเสียหายจากการถูกไฟไหม้อย่างมากจากเหตุการณ์เสียกรงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 และถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน โดยวัดมหาธาตุในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534

ข้อมูลการเดินทาง

             วัดมหาธาตุตั้งอยู่บริเวณใจกลางเกาะเมืองอยุธยา โดยอยู่ติดกับวัดพระราม และวัดราชบูรณะ ริมถนนนเรศวร

             หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : วัดมหาธาตุเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS 14°21'24.8"N 100°34'02.7"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดมหาธาตุ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=101


7. วัดหน้าพระเมรุ

             วัดหน้าพระเมรุ (Wat Na Phra Meru) มีชื่อเดิมว่า "วัดพระเมรุราชิการาม" ตั้งอยู่ที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จุดเริ่มต้นของวัดหน้าพระเมรุยังคงเป็นที่ถกเถียงอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นผู้สร้าง และสร้างในช่วงเวลาใด โดยมีการสันนิษฐานเบื้องต้นว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นในจุดที่ใช้ทำพระราชพิธีถวายพระเพลิงกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งในสมัยต้นอยุธยา วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดแห่งเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกทำลายลงในเหตุการณ์เสียกรุงครั้งที่ 2 เนื่องจากกองทัพพม่าใช้เป็นสถานที่บัญชาการรบ โดยยังคงปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักเดินทางไปนมัสการหลวงพ่อพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถที่ศักดิ์สิทธิ์

ข้อมูลการเดินทาง

             วัดหน้าพระเมรุตั้งอยู่ทางทิศเหนือนอกเกาะอยุธยา โดยต้องข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง จุดสังเกตคือจะตั้งอยู่ตรงข้ามวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ จากสถานที่ทั้งสองแห่งนี้จะมีสะพานข้ามไปยังวัดพระเมรุ หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : วัดหน้าพระเมรุเปิดทำการทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.

พิกัด GPS 14°21'44.5"N 100°33'32.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดหน้าพระเมรุ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=102


8. พระราชวังบางปะอิน

             พระราชวังบางปะอิน (Bang Pa In Palace) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งสำคัญที่แม้จะผ่านกาลเวลามาแล้วยาวนาน ทว่ายังคงความงดงาม พระราชวังโบราณที่อำเภอบางปะอินแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และยังมีบทบาทเป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเรื่อยมาจนกระทั่งเสียกรุงศรีฯ ให้แก่พม่า ในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงได้เริ่มมีการบูรณะพระราชวัง และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยได้สร้างพระที่นั่ง พระตำหนัก และตำหนักต่างๆ ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะและพระราชทานเลี้ยงในโอกาสต่างๆ ปัจจุบัน พระราชวังบางปะอินอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง และยังใช้เป็นสถานที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย

ข้อมูลการเดินทาง

             พระราชวังบางปะอินอยู่ห่างจากตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาประมาณ 22 กม. มีบริการรถสองแถวสาย อยุธยา – บางปะอิน วิ่งจากตัวเมืองอยุธยาไปยังบางปะอิน ราคาประมาณ 30 บาท ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. หมายเหตุ เวลาจำหน่ายบัตร 08.00 – 16.00 น.)

พิกัด GPS : 14°13'57.7"N 100°34'44.6"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระราชวังบางปะอิน ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=273


9. วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร             

             วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร (Wat Niwet Thammaprawat) ตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังบางปะอิน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดไทยเก่าแก่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแห่งเดียวในประเทศไทย มีลักษณะคล้ายโบสถ์ในศาสนาคริสต์ด้วยสไตล์โกธิค วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419 โดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับยังพระราชวังบางประอิน โดยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง และใช้ศิลปะรูปแบบโกธิค พระอุโบสถของวัด เป็นอาคารมีโดมหอคอยเหมือนกับวิหารในสถาปัตยกรรมตะวันตก บริเวณยอดโดมมีหอนาฬิกาและระฆังชุด และเหนือขึ้นไปเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ     

ข้อมูลการเดินทาง

             วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ พระราชวังบางปะอิน ห่างจากตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาประมาณ 22 กม. มีบริการรถสองแถวสาย อยุธยา – บางปะอิน วิ่งจากตัวเมืองอยุธยาไปยังบางปะอิน ราคาประมาณ 30 บาท ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที และเนื่องจากวัดนิเวศน์ธรรมประวัติตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณพระราชวังบางปะอิน นักท่องเที่ยวจะต้องใช้บริการกระเช้าไฟฟ้าเพื่อไปยังตัววัด  

เวลาทำการเปิด – ปิด :  วัดนิเวศน์ธรรมประวัติเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS 14°13'53.5"N 100°34'32.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติราชวรมหาวิหาร ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=97


10. ตลาดโก้งโค้ง บ้านแสงโสม         

             ตลาดโก้งโค้ง บ้านแสงโสม (Khongkong Market) ตั้งอยู่ที่ตำบลขนอนหลวง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นตลาดสไตล์ย้อนยุคที่น่าสนใจแห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านเรือนไทยหมู่ใหญ่ ที่คงความเป็นสถาปัตยกรรมไทยโบราณไว้อย่างเด่นชัด ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นด่านขนอน (ด่านเก็บภาษีในอดีต) และเป็นสถานที่ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้านานาชนิด ทั้งสินค้าในชุมชนและสินค้า และสินค้าที่มาจากต่างเมือง ปัจจุบันตลาดโก้งโค้งจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งอาหาร ขนม ของฝาก รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10 ไร่ กับแผงค้า 100 แผงค้าให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมอย่างเพลิดเพลิน

ข้อมูลการเดินทาง

             ตลาดโก้งโค้งอยู่เลยพระราชวังบางปะอินไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถตู้สายกรุงเทพ-บางปะอิน หรือรถสองแถวสายบางปะอิน-อยุธยา โดยรถจะวิ่งผ่านตลาดโก้งโค้ง

เวลาทำการเปิด – ปิด : ตลาดโก้งโค้งเปิดทำการทุกวันพฤหัส-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

พิกัด GPS 14°16'57.4"N 100°34'35.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตลาดโก้งโค้ง บ้านแสงโสม ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=96


11. วิหารพระมงคลบพิตร

             วิหารพระมงคลบพิตร (Wihan Phra Mongkhon Bophit) ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ที่ตำบลประตูชัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นที่ประดิษฐานของพระมงคลบพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพระนครศรีอยุธยา และเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เพียงองค์เดียวในประเทศไทยที่หล่อด้วยสัมฤทธิ์  ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่า วิหารพระมงคลบพิตรสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มีข้อสันนิษฐานว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ระหว่างปี พ.ศ. 1991–2145 โดยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากทิศตะวันออกนอกพระราชวังมาไว้ทางด้านทิศตะวันตกและก่อมณฑปสวมไว้ เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2  วิหารพระมงคลบพิตรถูกเผา และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ข้อมูลการเดินทาง

             จากสถานีขนส่ง จังหวัดอยุธยา ไปยังวิหารพระมงคลบพิตร ระยะทางประมาณ 4.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : ทุกวันเวลา 08.30 - 16.30 น.

พิกัด GPS : 14°21'17.4"N 100°33'27.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิหารพระมงคลบพิตร ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=175
 

12. วัดพุทไธศวรรย์

             วัดพุทไธศวรรย์ (Wat Putthai Sawan)  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา ตามตำนานเล่ากันว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างวัดพุทไธศวรรย์ขึ้นบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับในปี พ.ศ. 1893 เมื่อครั้งทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนที่จะสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ทว่าต่อมาได้เกิดโรคระบาดพระองค์จึงทรงย้ายผู้คนมาสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นใกล้หนองโสนหรือบึงพระรามซึ่งก็คือบริเวณที่ตั้งของวัดพระศรีสรรเพชญ์ในปัจจุบัน  จากเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310 ซึ่งวัดอื่นๆ ได้ถูกพม่าทำลายไปเกือบหมดสิ้น แต่วัดพุทไธศวรรย์เป็นหนึ่งในวัดที่มิได้ถูกทำลาย จนถึงปัจจุบันก็ยังมีโบราณสถานที่ยังคงสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ไว้ให้ได้ชมมากมาย

ข้อมูลการเดินทาง 

             วัดพุทไธศวรรย์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทางด้านใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัวก็มีรถสาธารณะที่ผ่านคือ รถสองแถวสีฟ้าสาย 2457 (สถานีขนส่ง – วัดไก่เตี้ย) และภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.30 น.

พิกัด GPS : 14°20'22.0"N 100°33'29.5"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วัดพุทไธศวรรย์ ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=259


13. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

             อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (Ayutthaya Historical Park) คือเขตโบราณสถานเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาเคยรุ่งเรืองในอดีต อุทยานประวัติศาสตร์ฯ แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่จำนวนกว่า 3,000 ไร่ และประกอบไปด้วยพระราชวัง วัด และโบราณสถานสำคัญจำนวน 28 แห่ง อุทยานแห่งนี้ได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 จากองค์กรยูเนสโก ในนาม “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา” ด้วยเหตุผลว่า “เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้ว”

ข้อมูลการเดินทาง

             อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบเส้นทางการขับรถไปยังสถานที่ต่างๆ ของอุทยานประวัติศาสตร์ฯ ได้จากแอปพลิเคชัน Google Map หรือแผนที่ท่องเที่ยวที่ทางการจัดทำไว้ และภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 14°21'01.9"N 100°33'25.0"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=88


14. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา

             พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา (Chaosamphraya National Musuem) ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุ พระพุทธรูป และสิ่งล้ำค่าอื่นๆที่มาจากการขุดค้นและบูรณะโบราณสถานต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยกรมศิลปากรระหว่างปี พ.ศ. 2499-2500 ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พระแสงดาบทองคำ เศียรพระพุทธรูปสำริด พระสถูปทองคำ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุ

ข้อมูลการเดินทาง

             พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย ถนนปรีดีพนมยงค์ ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา  หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัว ภายในตัวเมืองอยุธยามีรถตุ๊กตุ๊กให้บริการในอัตรา 20-40 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับระยะทาง สำหรับการเหมารถ ค่าเช่าตุ๊กตุ๊กต่อชั่วโมงจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 200 บาท

เวลาทำการเปิด – ปิด :  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.30 น.

พิกัด GPS : 14°21'03.5"N 100°33'42.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=89


15. พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

             พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (The King Naresuan The Great Monument) เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ตอนทรงม้าออกมาสังหารลักแม่ทัพเมืองหงสาวดีประดิษฐานบนแท่นและลานหินสีขาว เด่นตระหง่านอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวในสวนสาธารณะสวยงาม โอบล้อมด้วยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บริเวณทุ่งภูเขาทอง โดยในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นสมรภูมิรบหลายครั้งหลายด้วยกัน โดยเมื่อปีพ.ศ. 2129 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงกระทำศึกที่บริเวณนี้และเป็นฝ่ายเอาชนะพม่าได้ในที่สุด พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่ใครผ่านมาผ่านไปจะต้องแวะสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

ข้อมูลการเดินทาง

             พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชอยู่ห่างจากเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาไปทางทิศเหนือประมาณ 1 กม. โดยตั้งอยู่ริมถนนสายอยุธยา – อ่างทอง ใกล้กับวัดภูเขาทอง รถสาธารณะที่ผ่านคือรถโดยสารสาย 101 (อยุธยา-ป่าโมก-อ่างทอง) และสาย 1002 (อยุธยา-บางปะหัน-มหาราช)

เวลาทำการเปิด – ปิด :  เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 20.00 น.

พิกัด GPS : 14°22'19.3"N 100°32'30.2"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=255  


16. พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย

             พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย (Somdet Phra Suriyothai Monument) เป็นพระราชานุสาวรีย์แห่งวีรสตรีไทยสมัยอยุธยา หล่อด้วยสำริด มีขนาดหนึ่งเท่าครึ่งขององค์จริงประทับอยู่บนหลังพระคชาธาร ณ บริเวณทุ่งมะขามหย่องที่ในอดีตเคยเป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่างไทยกับพม่าหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่คือเมื่อครั้งที่สมเด็จพระสุริโยทัย พระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปรจนต้องพระแสงของ้าว สิ้นพระชนม์บนคอช้าง รอบๆ มีประติมากรรมจำลองประวัติศาสตร์ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ

ข้อมูลการเดินทาง

             พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัยตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ ทุ่งมะขามหย่อง อยู่ห่างจากเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาออกไปประมาณ 3 - 4 กิโลเมตร การเดินทางไม่มีรถสาธารณะไปถึง หากไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัวนักท่องเที่ยวต้องจ้างหรือเหมารถให้ไปส่ง 

เวลาทำการเปิด – ปิด : ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น.  

พิกัด GPS : 14°23'01.8"N 100°31'34.4"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=256


17. รักษ์นา คาเฟ่

             รักษ์นา คาเฟ่ (Rakna Cafe) หนึ่งในร้านกาแฟแลนด์มาร์กที่ใครมาอยุธยาก็จะต้องไม่พลาด เพราะนอกจากกาแฟ และอาหารที่มีให้เลือกหลากหลายแล้ว แล้วที่นี่ยังจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเอง ด้วยท้องทุ่งนาเขียวขจีบวกกับมุมต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามกลมกลืนกับธรรมชาติ ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าร้าน รังนก เปลนอน สะพานไม้ไผ่ ชิงช้า กองฟาง ซุ้มไม้ไผ่ รวมถึงสะพานไม้ที่ทอดยาวไปกลางทุ่งนา ซึ่งการออกแบบทุกอย่างนั้นล้วนใช้ไม้ไผ่เป็นหลัก บรรยากาศที่นี่จึงสอดรับกับธรรมชาติของท้องทุ่งนาสีเขียวและท้องฟ้าสีฟ้าเป็นอย่างดี และนอกจากบรรยากาศที่แสนสดชื่นในช่วงกลางวันแล้ว ที่นี่ยังเหมาะสำหรับชมวิวสวยๆ ของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในช่วงเย็นอีกด้วย

ข้อมูลการเดินทาง

             รักษ์นา คาเฟ่ อยู่ห่างจากตัวเมืองพระนครศรีอยุธยาประมาณ 6 กิโลเมตร ไม่มีรถสาธารณะให้บริการไปยังที่นี่ การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือเดินทางโดยรถส่วนตัว

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 14°20'32.7"N 100°31'37.8"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รักษ์นา คาเฟ่ ได้ที่ https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=257              


18. พุทธอุทยานมหาราช วัดวชิรธรรมมาราม

             พุทธอุทยานมหาราช วัดวชิรธรรมมาราม (Wat Wachira Thammaram) ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 200 ไร่ ณ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพุทธอุทยานฯ ที่สร้างเป็นวัดและโรงเรียนในพื้นที่เดียวกัน บรรยากาศร่มรื่น  และมีร้านค้าต่างๆ เรียงรายอยู่กว่า 130 ร้าน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของพุทธสถานแห่งนี้คือรูปเหมือนของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลสร้างจากปูนหุ้มสัมฤทธิ์เคลือบสีทองทั้งองค์ หน้าตักขนาด 24 เมตร สูง 51 เมตร นับเป็นรูปเหมือนพระสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตามประวัติศาสตร์นั้นหลวงพ่อทวดเคยเดินทางมาพำนักที่กรุงศรีอยุธยาเป็นเวลาหลายปี ผนวกกับในอดีตเป็นพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เส้นทางการเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงเป็นที่มาของชื่อ “พุทธอุทยานมหาราช” ที่ตั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล

ข้อมูลการเดินทาง

             พุทธอุทยานมหาราช วัดวชิรธรรมมาราม อยู่ห่างจากตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา 25 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 30 นาที

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00 – 17.00 น.

พิกัด GPS : 14°31'52.8"N 100°30'00.7"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พุทธอุทยานมหาราช วัดวชิรธรรมมาราม ได้ที่ : https://palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=309


19. วังช้างอยุธยา แล เพนียด

             วังช้างอยุธยา แล เพนียด (Ayutthaya Elephant Palace & Royal Kraal) เป็นปางช้างแห่งเดียวที่สร้างอยู่บนพื้นที่มรดกโลก ซึ่งแต่เดิมคือกรมพระคชบาล สำหรับฝึกช้างหลวงที่ใช้ออกศึกในสมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนกลาง โดยในสมัยอยุธยานั้นสมเด็จพระเพทราชา ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์บ้านพลูหลวงเคยดำรงตำแหน่งเจ้ากรมพระคชบาลอยู่ที่นี่ และในสมัยรัชกาลที่ 5 กรมพระคชบาลแห่งนี้ยังเคยมีช้างจำนวนมากถึง 40,000 เชือก รวมถึงในสมัยรัชกาลที่ 6 ยังเคยส่งช้างไปช่วยรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย  ซึ่งนอกจากจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมแล้ว ภายในวังช้างอยุธยา แล เพนียด ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่างสำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสความน่ารักของช้างอย่างใกล้ชิด และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครย้อนยุคอีกหลายเรื่องด้วยกัน

ข้อมูลการเดินทาง

             วังช้างอยุธยา แล เพนียด ตั้งอยู่ถนนป่าโทน ตำบลประตูชัย ใจกลางเกาะเมืองอยุธยา ห่างจากอุทยานประวัติศาสตร์ฯ 500 เมตร นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัวสามารถนั่งตุ๊กตุ๊ก หรือเช่าจักรยานจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ขี่มาวังช้างก็ได้เช่นกัน

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 น. – 17.00 น.

พิกัด GPS 14°21'08.1"N 100°33'31.3"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วังช้างอยุธยา แล เพนียด ได้ที่ https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=543


20. พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)

             พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) (King Ramathibodi 1 Monument) ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาผู้ทรงเป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญของชาวกรุงเก่า ที่เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดอยุธยาควรหาโอกาสไปกราบสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทองประดิษฐานอยู่ระหว่างบึงพระรามและวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระบรมรูปมีขนาดเท่าครึ่งของคนธรรมดา หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์และรมด้วยน้ำยาสีเขียว ในพระอิริยาบถประทับยืน พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระเกล้าเกศาฉลองพระองค์แบบพระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ในวันที่ 3 เมษายนของทุกปี ชาวอยุธยาจะร่วมกันบำเพ็ญกุศลอุทิศเป็นราชพลีแด่พระองค์  

ข้อมูลการเดินทาง

             พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ประดิษฐานอยู่ระหว่างบึงพระรามกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ห่างจากวัดพระศรีสรรเพชญ์เพียงราวๆ 200 เมตร นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เดินทางโดยรถส่วนตัวสามารถนั่งตุ๊กตุ๊ก หรือเช่าจักรยานจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ขี่มาวังช้างก็ได้เช่นกัน

เวลาทำการเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 6.00 – 18.00 น.

พิกัด GPS : 14°21'21.8"N 100°33'38.3"E

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ได้ที่ https://www.palanla.com/index.php?op=domesticLocation-detail&id=542


ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้

- เว็บไซต์พยากรณ์อากาศ

  www.accuweather.com

- เว็บไซต์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

  http://ww2.ayutthaya.go.th/frontpage

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

  https://thai.tourismthailand.org/ 

- บริการขนส่ง (รถทัวร์ประจำทาง) 

  http://www.busticket.in.th , http://www.thairoute.com 

- สกุลเงินที่ใช้ : บาท (THB)


แอปพลิเคชัน "บริการรถแท็กซี่" ในประเทศไทย

- Grab สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
 

แอปพลิเคชัน "แผนที่ในการนำทาง" ในประเทศไทย

- Google Map​ สามารถดาวน์โหลดได้ App Store (iOS) และ Play Store (Android)
 

 

สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

สวนสาธารณะเทศบาลโพธาราม (Muang Photharam Municipal Public Park) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนแม่น้ำแม่กลองในอำเภอโพธาราม ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ และยังมีส่วนของจุดชมวิว สนามหญ้า ทางวิ่งออกกำลังกาย ลานกีฬา เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น สวนสาธาณะแห่งนี้เหมาะกับคนทุกวัยที่ต้องการมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และชมวิวแม่น้ำแม่กลองที่เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดราชบุรี และที่นี่ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ของเมืองโพธารามอีกด้วย

อ่านต่อ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี (Ratchaburi National Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์จากการใช้ศาลากลางหลังเก่าของจังหวัดราชบุรีมาก่อตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและอยู่คู่กับจังหวัดราชบุรีมาอย่างนาวนาน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีมีนิทรรศการท้องถิ่นที่น่าสนใจของจังหวัดราชบุรีให้เที่ยวชม โดยจัดแสดงเรื่องราวทางสภาพภูมิศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ชนเผ่าชาติพันธุ์วิทยา มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญ ไปจนถึงคลังโบราณวัตถุที่หาชมได้ยากตั้งแต่เครื่องปั้นดินเผาไปจนถึงพระพุทธรูปในยุคต่างๆ

อ่านต่อ

น้ำตกเก้าชั้น จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

น้ำตกเก้าชั้น (Kaew Chan Waterfalls) เป็นน้ำตกกลางหุบเขาที่มีความสูง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป ชั้นที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดคือบริเวณชั้นที่ 6 น้ำตกเก้าชั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลทุกฤดูกาล โดยจะมีน้ำมากที่สุดและสวยที่สุดในช่วงฤดูฝน เพราะจะมองเห็นสายน้ำตกสีขาวขนาดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงท่ามกลางป่าไม้อันเขียวขจีและเสียงของน้ำตก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสวนผึ้ง

อ่านต่อ

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย

ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก (Lao Tuk Luck Floating Market) เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของจังหวัดราชบุรีที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีลักษณะเป็นตลาดน้ำขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนเรือนไม้ริมน้ำที่ชุมชนชาวไทย-จีนอาศัยอยู่ ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลักมีบรรยากาศเรียบง่ายและคลาสสิก แต่มีความพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวก การเดินทางก็แสนง่าย แค่เพียงแค่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจากฝั่งตลาดน้ำดำเนินสะดวกมายังฝั่งตรงข้าม ก็จะได้พบกับเรือนไม้โบราณของชุมชนชาวจีนและลำคลองที่ตัดผ่าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอาหารทานง่ายอร่อยๆ ให้เลือกมากมาย และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เก็บความประทับใจ นอกจากนี้ในวันหยุดจะมีเสียงดนตรียุค 80 คลอเคล้าสร้างความเพลิดเพลินในการเดินตลาดอีกด้วย

อ่านต่อ

ตลาดน้ำอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

ตลาดน้ำอโยธยา (Ayothaya Floating Market) ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้

อ่านต่อ

วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดราชบูรณะ (Wat Ratchaburana) อนุสรณ์สถานแห่งการแย่งชิงราชบัลลังค์ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่ใหญ่ และเก่าแก่มากที่สุดในพระนครศรีอยุธยา สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา เมื่อปี พ.ศ. 1967

อ่านต่อ

วัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประเทศไทย

วัดมเหยงคณ์ (Wat Mahaeyong) อดีตพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 ปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม ใจกลางโบราณสถานที่เก่าแก่ของอยุธยาอีกด้วย

อ่านต่อ

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนบน เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังได้รับสมญานามว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ และเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนครสวรรค์จึงมีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายโดยเฉพาะวัดและตลาดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนครสวรรค์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ทาง Palanla จึงได้รวบรวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดนครสวรรค์มาฝากทุกท่านกันในบทความนี้

อ่านต่อ

หอชมเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

หอชมเมืองนครสวรรค์ (Nakhon Sawan Observation Tower) เป็นหอชมเมืองที่ตั้งอยู่บนเขาคีรีวงศ์ จุดชมวิวจะตั้งอยู่บริเวณชั้น 10 ของหอชมเมืองซึ่งสามารถชมวิวเมืองนครสวรรค์จากมุมสูงได้โดยรอบ และมองเห็นทิวทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้บริเวณชั้น 1 ยังมีร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นให้เลือกซื้ออีกด้วย หอชมเมืองนครสวรรค์จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองปากน้ำโพที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

อ่านต่อ

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย

พาสาน อาคารสัญลักษณ์ต้นน้ำเจ้าพระยา (Pasaan, The Headwaters of the Chao Phraya River Symbol Building) ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำปิง วัง ยม น่านมาบรรจบกันและก่อกำเนิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา พาสานถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของนครสวรรค์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชม เดินเล่น ชมวิว ดูพระอาทิตย์ตกดิน และถ่ายภาพความสวยงามของอาคารและทิวทัศน์แม่น้ำโดยรอบกันอย่างเพลิดเพลิน

อ่านต่อ
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ