- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ปราสาทโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
ปราสาทโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
- อ่าน (3,732)
- By Webmaster
- 17:58:00 | 24 มิ.ย. 2562
ปราสาทโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
Osaka Castle, Osaka, Japan
ปราสาทโอซาก้าเป็นปราสาทที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจีมากมาย
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) คือหนึ่งในปราสาท ที่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ และแสดงถึงความยิ่งใหญ่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ของเมืองชื่อดังอย่างโอซาก้า ปราสาทโอซาก้านั้นสร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 1583 ตัวปราสาทกลางจะมีทั้งหมด 8 ชั้น เป็นส่วนบนพื้นดิน 5 ชั้น และชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ซึ่งปราสาทแห่งนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วย คูน้ำ กำแพงหิน สวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) รวมเป็นพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร (15 เอเคอร์) ทำให้นอกจากความยิ่งใหญ่ของตัวปราสาทโอซาก้าเองแล้ว ยังเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีผู้คนมาทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย รวมถึงยังเป็นแหล่งชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโอซาก้าอีกด้วย
แผนที่ตั้ง ปราสาทโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
ประวัติ
ปราสาทโอซาก้ามีนักท่องเที่ยมมาเยี่ยมชมมากมายแม้ฝนจะตก
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งทุกคนที่มาเที่ยวโอซาก้าจะต้องแวะมาแน่นอน เพราะปราสาทแห่งนี้ เป็นเหมือนภาพแทนที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ และประวัติศาสตร์มากมายของเมือง ซึ่งเกิดขึ้นโดยมีปราสาทแห่งนี้เป็นศูนย์กลาง โดยปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) สร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ. 1583 โดย โทโยมิ ฮิเดะโยชิ (Toyomi Hideyoshi) หนึ่งในแม่ทัพที่ทรงอิทธิพลที่สุดของญี่ปุ่นในช่วงนั้น โดยหวังให้ตัวปราสาทแห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางความยิ่งใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น และตลอดระยะเวลาหลังจากนั้น ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ก็ผ่านเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญๆ ของเมืองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโดนรุกรานจากสงคราม ภัยธรรมชาติ ตลอดจนทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จนมาในปีค.ศ.1931 ได้มีการบูรณะปราสาทครั้งใหญ่ จากการระดมทุนของชาวโอซาก้า จนกลายเป็นปราสาทโอซาก้าที่สวยงาม และยิ่งใหญ่อย่างในปัจจุบัน
ทางขึ้นไปยังตัวปราสาทกลางอีกด้านของปราสาทโอซาก้า
นอกจากนั้นด้านในของปราสาทยังมีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ซึ่งปัจจุบันตัวปราสาทกลางมีทั้งหมด 8 ชั้น แบ่งเป็นส่วนที่อยู่พื้นดิน 5 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น โดยภายในจะมีตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการที่เล่าถึงเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมาของปราสาทได้อย่างน่าสนใจ ทั้งยังมีการตั้งแสดงเครื่องแต่งกาย ของใช้ อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยโบราณ ให้ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วย รวมถึงชั้นบนสุดของปราสาท ที่เคยใช้เป็นหอคอยสังเกตการณ์ข้าศึกในช่วงสงคราม ปัจจุบันถูกปรับให้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโอซาก้าได้รอบทิศทางอีกด้วย
ชั้นหินที่เป็นฐานรากหลักของตัวปราสาทโอซาก้า
ไม่เพียงแต่ตัวปราสาทกลางซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีอนุสรณ์สถาน สิ่งก่อสร้างอย่างฐานรากของปราสาท สวนสาธารณะ และต้นซากุระมากกว่า 300 ต้น ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะออกดอกสีชมพูสวยงาม ชนิดที่เป็นแหล่งรวมตัวสำคัญ ที่มีผู้คนมาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้าเลยทีเดียว
การเดินทางจากสนามบินคันไซไปยังเมืองโอซาก้า
- รถบัส จากสนามบินให้เดินไปขึ้นรถบัสที่ Kansai-Airport Station เพื่อขึ้นรถที่ป้ายรอรถบัสหมายเลข 5 เลือกคันที่ไป Osaka Station City ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 52 นาที
- รถไฟ จากสนามบินให้เดินไปขึ้นรถไฟที่ Kansai-Airport Station เลือกรถไฟสาย Kansaikuko Line แล้วลงที่สถานี Umeda Station ตัวสถานีจะอยู่กลาง Osaka Station City ระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 59 นาที
การเดินทางจากตัวเมืองไปยังปราสาทโอซาก้า
- รถไฟ จาก Osaka Station City ให้ขึ้นรถไฟสาย Osaka Loop Line ที่สถานี Osaka Station แล้วลงที่สถานี Osakajokoen Station ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 27 นาที ก่อนจะเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงปราสาทโอซาก้า
เวลาเปิด-ปิดทำการ
ปราสาทโอซาก้าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมซึ่งมีนักท่องเที่ยวมากันตลอดเวลา
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09:00 น. – 17:00 น.จะปิดแค่ช่วงสิ้นปีในวันที่ 28 ธ.ค. – 1 ม.ค.
อัตราค่าเข้าชม
สวนสาธารณะบริเวณปราสาทที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเดินเล่นได้ฟรี และลำน้ำที่ไหลเวียนอยู่รอบปราสาทโอซาก้า
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) มีค่าเข้าชมด้านในของปราสาทสำหรับผู้ใหญ่ 600 เยน ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เข้าชมฟรี รวมถึงบริเวณรอบปราสาท ยังมีสวนสาธารณะ และต้นไม้มากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้มาทำกิจกรรมต่างๆ กันฟรีอีกด้วย
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ทิวทัศน์ของปราสาทโอซาก้าเมื่อมองจากที่ไกล
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมตลอดปี แต่หากมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้เห็นต้นซากุระออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง ยิ่งเสริมให้ตัวปราสาทดูสวยงามเหมาะแก่การมาเที่ยว และถ่ายรูปมากที่สุด
นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยว ปราสาทโอซาก้า สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
ปราสาทโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
(Osaka Castle, Osaka, Japan)
ระดับความนิยม :
อัตราค่าเข้าชม : บริเวณรอบปราสาทสามารถเข้าชมได้ฟรี หากต้องการเข้าไปด้านในปราสาท จะมีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 600 เยน
เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09:00 น. – 17:00 น.
จะปิดแค่ช่วงสิ้นปีคือวันที่ 28 ธ.ค. – 1 ม.ค.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ฤดูใบไม้ผลิ
สถานที่ตั้ง : จังหวัดโอซาก้า, ประเทศญี่ปุ่น
โทรศัพท์ : (+81) 6-6941-3044
เว็บไซต์ : https://www.osakacastle.net/
ข้อมูลอื่นๆที่ควรรู้ : เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบสภาพอากาศ https://www.accuweather.com/
เว็บไซต์องค์การการท่องเที่ยวญี่ปุ่น https://www.jnto.go.jp/eng/
เว็บไซต์สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดโอซาก้า https://osaka-info.jp/th/
เว็บไซต์การเดินทางขนส่งมวลชนญี่ปุ่น http://www.hyperdia.com/
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
สะพานโจกากุระ โอฮาชิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น
สะพานโจกากุระ โอฮาชิ (Jogakura Ohashi Bridge) ในเทือกเขาฮักโกดะทางตอนใต้ในเมืองอาโอโมริ เป็นสะพานแขวนคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งแรกของญี่ปุ่น และยังถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของตัวสะพานแล้ว สะพานโจกากุระ โอฮาชิยังขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
อ่านต่อพระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น
พระใหญ่ไดบุทสึวัดเซเรียวจิ (Showa Daibutsu Seiryu-Ji) หรือ พระพุทธรูปไดบุทสึแห่งยุคโชวะ เป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ความสูง 21.35 เมตร น้ำหนัก 77 ตันที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเซเรียวจิ จังหวัดอาโอโมริ
อ่านต่อตลาดปลาอาอูกะ จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น
ตลาดปลาอาอูกะ (Auga Fresh Market) ศูนย์กลางจำหน่ายอาหารทะเลสดใหม่จากท่าเรืออาโอโมริ ที่เป็นเหมือนครัวของเมืองนี้และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่อาจพลาด
อ่านต่อรูปปั้นโมอาย ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
รูปปั้นโมอาย (Moai) เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร
อ่านต่อตลาดปลานิโจ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market) เป็นตลาดปลาขนาดใหญ่ในเมืองซัปโปโรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี ตลาดแห่งนี้โด่งดังจากอาหารทะเลสดใหม่หลากหลายชนิด ร้านอาหาร และบรรยากาศที่คึกคัก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวซัปโปโรจะต้องไม่พลาด
อ่านต่อชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
ชิโตเสะเอาท์เล็ตมอลล์ เรระ (Chitose Outlet Mall Rera) หนึ่งในเอาท์เล็ตมอลล์ขนาดใหญ่และได้รับความนิยมมากที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบิน New Chitose Airport เพียง 10 นาที
อ่านต่อคลองโอตารุ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
คลองโอตารุ (Otaru Canal) เคยเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของฮอกไกโดในอดีต ปัจจุบันยังคงมีอาคารเก่าแก่เรียงรายริมคลอง สะท้อนภาพวิถีชีวิตในอดีตให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส
อ่านต่อเนินแห่งพระพุทธเจ้า ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น
เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha) สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของซัปโปโร โดดเด่นด้วยเศียรของพระรูปที่โผล่พ้นเนินเขาขึ้นมา ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับรูปปั้นหินโมอาย (Moai Statue) ฉายา “สโตนเฮนจ์แห่งฮอกไกโด”
อ่านต่ออามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
อามาโนะฮาชิดาเตะ พาร์ค (Amanohashidate Park) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสันทรายอามาโนะฮาชิดาเตะ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ภายในอามาโนะฮาชิดาเตะเรียงรายไปด้วยทิวของต้นสน ทางเดินทอดยาว มีสะพานอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ตลอดจนศาลเจ้าให้แวะสักการบูชา
อ่านต่อวัดซันจูซันเก็นโด จังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
วัดซันจูซันเก็นโด (Sanjusanjen-do Temple) เป็นวัดพุทธนิกายเท็นได ที่ตั้งอยู่ในย่านฮิกาชิยามะ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ตัววัดมีชื่อเสียงโดดเด่นด้วยองค์เจ้าแม่กวนอิมปางค์ประทานพร (Senju Kannon) จำนวน 1,001 องค์ ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารไม้ยาว 120 เมตร ซึ่งถือเป็นวิหารไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น
อ่านต่อ