- หน้าแรก
- ท่องเที่ยวในประเทศ
- สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
- อ่าน (7,637)
- ByWebmaster
- 16:56:31 | 26 ม.ค. 2565
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
Queen Sirikit Botanic Garden, Chiang Mai, Thailand

ทางเดินชมธรรมชาติภายในสวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit Botanic Garden) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่จัดแสดงพันธุ์ไม้ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นดอกไม้เมืองหนาว กล้วยไม้นานาพันธุ์ พืชทะเลทราย และพืชพรรณที่หาชมได้ยาก โดยมีทั้งสวน เรือนกระจก อาคารนิทรรศการ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจได้เที่ยวชมศึกษาตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถขับรถเข้าเที่ยวชมหรือจะใช้บริการรถรางภายในสวนก็สะดวกเช่นกัน นอกจากนี้ยังพลาดไม่ได้กับการเดินชมธรรมชาติบนสกายวอล์ค Canopy Walks ซึ่งเป็นทางเดินกระจกเหนือเรือนยอดไม้ ที่สามารถเดินชมธรรมชาติที่สวยงามได้อย่างเพลิดเพลิน โดยบรรยากาศภายในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์จะค่อนข้างคึกคักในช่วงฤดูหนาวประมาณปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปี

แผนที่ตั้ง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit Botanic Garden) จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
ประวัติ
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2536 มีพื้นที่ประมาณ 6,500 ไร่ เดิมมีชื่อว่า "สวนพฤกษศาสตร์แม่สา" ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ โดยได้มีการวางแผนและพัฒนาให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากลแห่งแรกของประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ว่า "สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์"
สภาพพื้นที่ภายในสวนแห่งนี้มีลักษณะเป็นที่ราบสูงสลับกับที่ราบลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ มีความสูง 300-970 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง พื้นที่สวนจะจัดแบ่งตามพันธุ์ไม้และความเหมาะสมของพื้นที่ โดยมีพันธุ์ไม้ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ผู้ที่สนใจได้เที่ยวชมศึกษา และภายในสวนยังมีพื้นที่ต่างๆ ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ศูนย์สารนิเทศที่มีการจัดแสดงนิทรรศการพรรณไม้ไทย กลุ่มอาคารเรือนกระจกบริเวณลานเนินเขาที่ภายในจัดแสดงพรรณไม้ในเขตป่าดงดิบจากทุกภูมิภาคของทวีปเอเชีย โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ด้วยการฉีดละอองน้ำในเรือนกระจก อีกทั้งยังมีอาคารเรือนกระจกที่จัดแสดงพืชทะเลทราย และกล้วยไม้นานาพันธุ์ นอกจากนี้ภายในสวนสวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และสกายวอล์คหรือทางเดินลอยฟ้าบนสะพาน Canopy Walks ซึ่งเป็นทางเดินเปิดโล่งเหนือต้นไม้ไม้ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมธรรมชาติที่สวยงามได้อย่างเพลิดเพลินอีกด้วย

Canopy Walks อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวภายในสวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

ทางเดินเปิดโล่งให้เที่ยวชมธรรมชาติจากมุมสูง

ทางเดินมีทั้งส่วนที่เป็นพื้นตะแกรงและพื้นกระจก

สามารถเดินเที่ยวชมธรรมชาติได้อย่างเพลิดเพลิน

ทางเดินทอดยาวท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น

บริเวณจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวเขาเป็นฉากหลัง

เป็นสถานที่พักผ่อนและจุดชมวิวที่มีบรรยากาศที่ดีมาก

นักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพจากมุมสูงได้อย่างรอบทิศ

ทางเดินทอดตัวไปท่ามกลางป่าเขาอันเขียวขจี

ข้อห้ามและข้อคววรระวังขณะเดินบน Canopy Walks

ทัศนียภาพอันเขียวขจึของป่าไม้จากจุดชมวิวบน Conapy Walks
การเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดเชียงใหม่

- รถยนต์ (Car) จากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ มีระยะทาง 696 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 - 12 ชั่วโมง
- รถไฟ (Train) การเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 11 - 13 ชั่วโมง สามารถตรวจสอบกำหนดการเดินรถและค่าโดยสารได้ที่ https://www.railway.co.th
- เครื่องบิน (Flight) การเดินทางโดยเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ไปสนามบินเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง
- อื่นๆ (Others) หากต้องการเดินทางโดยรถทัวร์ ให้ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต2 แล้วลงที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ สามารถตรวจสอบกำหนดการเดินรถและค่าโดยสารได้ที่ https://ticket.transport.co.th
การเดินทางไปสวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
- รถยนต์ (Car) จากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปยัง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
สามารถเช่ารถขับหรือเหมารถโดยสารท้องถิ่นไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ได้ตามความสะดวก
เวลาทำการเปิด-ปิด
เปิดทุกวัน 08:30 น. - 17:00 น.
อัตราค่าเข้าชม
ค่าเข้าชม
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี
- เด็กมัธยม 20 บาท
- ผู้ใหญ่ 40 บาท
- ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป/ภิกษุ/สามเณร/ผู้พิการ เข้าชมฟรี
ค่านำยานพาหนะเข้าเที่ยวชม
- รถจักรยานยนต์ 30 บาท
- รถยนต์ 4 ล้อ 100 บาท
- รถยนต์ 6 ล้อ 200 บาท
ค่าบริการรถราง
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 10 บาท
- ผู้ใหญ่ 30 บาท
เวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว
ตลอดทั้งปี
นักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยว สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สามารถศึกษา ข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
(Queen Sirikit Botanic Garden, Chiang Mai, Thailand)
ระดับความนิยม : ![]()
อัตราค่าเข้าชม : เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี
เด็กมัธยม 20 บาท
ผู้ใหญ่ 40 บาท
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป/ภิกษุ/สามเณร/ผู้พิการ เข้าชมฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:30 น. - 17:00 น.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว : ตลอดทั้งปี
สถานที่ตั้ง : 100 หมู่ 9 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180
โทรศัพท์ : (+66) 053-841-234
เว็บไซต์ : http://www.qsbg.org/webBGO/highlight.html
ข้อมูลอื่นๆ ที่ควรรู้ : พยากรณ์อากาศ https://www.accuweather.com
เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ http://www.tourismchiangmai.org
เว็บไซต์สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ http://www.cm-mots.com
เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย https://thai.tourismthailand.org
สถานที่อื่นๆที่น่าสนใจ
อุโมงค์ขุนตาน จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
อุโมงค์ขุนตาน (Khun Tan Tunnel) เป็นอุโมงค์ทางรถไฟที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์วิศวกรรมการสร้างอุโมงค์ทางรถไฟของไทย โดยสร้างด้วยความยากลำบากและท้าทายกว่าจะแล้วเสร็จ อุโมงค์แห่งนี้ยังเคยเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทยถึง 106 ปี ก่อนจะถูกทำลายสถิติโดยอุโมงค์ผาเสด็จในปี พ.ศ. 2567
อ่านต่อ
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติแม่ปิง (Mae Ping National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในพื้นที่ของสามจังหวัดในภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ตาก และลำพูน โดยมีที่ทำการอุทยานตั้งอยู่ที่ตำบลแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน นอกจากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อุทยานแห่งชาติแม่ปิงยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม และแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายๆ จุดด้วยกัน
อ่านต่อ
สะพานขาวทาชมภู จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
สะพานขาวทาชมภู (Tha Chomphu White Bridge) สะพานทางรถไฟสีขาวที่โดดเด่น หนึ่งในแลนด์มาร์กของจังหวัดลำพูน ที่ทอดข้ามแม่น้ำทาและทอดยาวผ่านทุ่งโล่งที่มีทิวทัศน์งดงาม ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับอุโมงค์ขุนตาน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้วสำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่
อ่านต่อ
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม (Wat Phrabhuddabat Huai Tom) เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอลี้ วัดแห่งนี้วัดมีตำนานความเป็นมาจากเมื่อครั้งพระพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาที่ดงไม้ตาลและประทับบนดอยนางพี่ ภายในวัดมีพระธาตุเจดีย์ศิลปะล้านนาผสมพม่าโดดเด่นงดงาม
อ่านต่อ
วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
วัดพระพุทธบาทตากผ้า (Wat Phrabhuddabat Tak Pha) เป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน โดยนับถือกันว่ามีรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าที่มาประทับไว้ตรงบริเวณที่นำผ้าจีวรมาตาก และมีรอยตารางบนผาหินที่เชื่อว่าคือรอยตากผ้าจีวรพระพุทธเจ้าอยู่
อ่านต่อ
พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย จังหวัดลำพูน ประเทศไทย
พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย (Phra Mahathat Chedi Si Wiang Chai) เป็นหนึ่งในวัดของจังหวัดลำพูนที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม โดดเด่นด้วยพระมหาธาตุเจดีย์ฯ ที่สร้างโดยมีแนวคิดการจำลองแบบมาจากมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองในพม่า
อ่านต่อ
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง จังหวัดลำปาง ประเทศไทย
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง (Thai Elephant Conservation Center) เคยเป็นสถานที่ฝึกลูกช้างที่แรกและแห่งเดียวในโลก เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์เพื่อให้ความรู้และได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของช้าง โดยมีกิจกรรมต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ตามความสนใจ
อ่านต่อ
วัดเชียงราย จังหวัดลำปาง ประเทศไทย
วัดเชียงราย (Wat Chiang Rai) ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นวัดที่มีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมและความงดงามของศิลปะ โดยมีจุดเด่นคือ การผสมผสานระหว่างศิลปะไทยล้านนาและศิลปะไทยประยุกต์ที่งดงามลงตัว
อ่านต่อ
น้ำตกทีลอซู จังหวัดตาก ประเทศไทย
น้ำตกทีลอซู (Thi Lor Su Waterfall) จังหวัดตาก เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความโดดเด่นและสวยงามที่สุดของประเทศไทย
อ่านต่อ
ถ้ำสีฟ้า จังหวัดตาก ประเทศไทย
ถ้ำสีฟ้า (Blue Cave) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ลักษณะที่โดดเด่นของถ้ำแห่งนี้คือ เนื้อหินที่ผนังถ้ำจะมีสีฟ้าอมเทา ไม่เหมือนกับถ้ำอื่นๆ ที่มักพบสีแดงหรือสีส้ม ทำให้ชาวบ้านเรียกถ้ำนี้ว่า "ถ้ำสีฟ้า"
อ่านต่อ